ภัยคุกคามสกัดกั้นดาวเทียมค่อย ๆ ปรากฏขึ้นเหนืออินโดแปซิฟิก

ทอม แอบกี
เมื่อประเทศในอินโดแปซิฟิกต้องพึ่งพาดาวเทียมเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการสื่อสารและการทหารมากขึ้น ภัยคุกคามของอาวุธสกัดกั้นดาวเทียมก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในภูมิภาคนี้ ตามรายงานของผู้เชี่ยวชาญด้านกลาโหมแล้วเทคโนโลยีอวกาศ
นอกเหนือจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศในอินโดแปซิฟิกมีดาวเทียมมากกว่า 230 ดวงที่อยู่ในวงโคจร ซึ่งใช้งานในหน้าที่ที่สำคัญต่อการสื่อสาร การธนาคาร การนำทางด้วยจีพีเอส และการเฝ้าระวัง ซึ่งส่วนใหญ่ใจจำนวนนี้เปราะบางต่ออาวุธสกัดกั้นดาวเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่ออาวุธจากจีนและรัสเซีย
“อาวุธสกัดกั้นดาวเทียมเป็นภัยคุกคามที่แน่ชัดและมีอยู่จริง” นายบรูซ แมคคลินต็อก หัวหน้าโครงการริเริ่มองค์กรอวกาศที่แรนด์คอร์ปอเรชัน กล่าวกับ ฟอรัม “อาวุธดังกล่าวไม่ใช่เพียงแค่สมมุติฐาน แต่เป็นภัยคุกคามที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างแน่นอนจากจีนและรัสเซีย และบางทีอาจจะจากเกาหลีเหนือด้วย”
นายแมคคลินต็อกและผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ แบ่งอาวุธสกัดกั้นดาวเทียมออกเป็นสองประเภท คือ แบบย้อนกลับได้ และ แบบย้อนกลับไม่ได้ อาวุธสกัดกั้นดาวเทียมแบบย้อนกลับได้จะไม่ทำลายดาวเทียม แต่เป็นการทำให้ไม่สามารถทำงานได้ชั่วคราว โดยทั่วไปมักทำโดยการรบกวนหรือ “หลอก” สัญญาณของดาวเทียมเหล่านั้น อาวุธสกัดกั้นดาวเทียมแบบย้อนกลับไม่ได้เป็นการทำลายหรือปิดใช้งานเป้าหมายโดยถาวร โดยทั่วไปมักทำโดยใช้ขีปนาวุธ
รัฐบาลจีนแสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถของอาวุธสกัดกั้นดาวเทียมกับดาวเทียมสภาพอากาศวงโคจรต่ำของจีนใน พ.ศ. 2550 และรัสเซียดำเนินการทดสอบอาวุธสกัดกั้นดาวเทียมวงโคจรต่ำแบบย้อนกลับไม่ได้ใน พ.ศ. 2564 การดำเนินการของทั้งสองทิ้งเศษซากจำนวนมากไว้ในวงโคจร เป็นการคุกคามดาวเทียมดวงอื่น ๆ และยานอวกาศ รวมถึงสถานีอวกาศนานาชาติด้วย การปล่อยจรวดขึ้นสู่วงโคจรสูงเมื่อเร็ว ๆ นี้โดยจีนทำให้เกิดการคาดเดาว่ารัฐบาลจีนอาจกำลังแสวงหาอาวุธสกัดกั้นดาวเทียมที่สามารถปิดการใช้ดาวเทียมสื่อสารในวงโคจรค้างฟ้าที่อยู่สูงจากพื้นโลกประมาณ 37,000 กิโลเมตร นายแมคคลินต็อกกล่าว ที่ระดับความสูงดังกล่าว ดาวเทียมสามารถปรับให้ตรงกับการหมุนของโลกได้เพื่อให้สามารถเฝ้าดูตำแหน่งหนึ่งใดได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากกว่าสำหรับการใช้งานทางทหาร
กองทัพปลดปล่อยประชาชนของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของอาวุธสกัดกั้นดาวเทียมแบบย้อนกลับได้บ่อยครั้งในสงครามอิเล็กทรอนิกส์ นายแมคคลินต็อกกล่าว โดยเสริมว่ามีหลักฐานล่าสุดว่ารัสเซียรบกวนระบบนำทางจีพีเอสในยูเครน
การตอบโต้อาวุธสกัดกั้นดาวเทียมจำเป็นต้องใช้การเฝ้าระวังทางอวกาศและการใช้โครงข่ายดาวเทียมแทนการใช้ดาวเทียมเดี่ยว รวมถึงทางเลือกภาคพื้นดิน
“การเฝ้าระวังทางอวกาศเกี่ยวข้องกับการติดตามว่า สิ่งที่อยู่ในวงโคจรคืออะไร อยู่ในวงโคจรใด ภารกิจที่เข้าใจของระบบคืออะไร และความสามารถของระบบคืออะไร” นายแมคคลินต็อกกล่าว
ความพยายามครั้งสำคัญเมื่อไม่นานมานี้ในการเฝ้าระวังทางอวกาศแบบพหุภาคีเกี่ยวข้องกับดาวเทียมลาดตระเวนทางทหารสองดวงที่ส่งขึ้นสู่วงโคจรในกลาง พ.ศ. 2565 โดยออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกาจากแท่นปล่อยตัวในนิวซีแลนด์
นายแมคคลินต็อกอ้างถึงข้อตกลงความปลอดภัยโดยทั่วไปของข้อมูลทางทหารระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งช่วยให้ทั้งสองสามารถใช้ข้อมูลจากดาวเทียมลาดตระเวนของกันและกันได้เพื่อตรวจจับการยิงขีปนาวุธโดยประเทศต่าง ๆ เช่น เกาหลีเหนือ ว่าเป็นตัวอย่างของการใช้งานโครงข่ายดาวเทียมสำหรับภารกิจเฉพาะ “ผลแบบทวีคูณ” นี้ช่วยสร้างความยืดหยุ่นต่ออาวุธสกัดกั้นดาวเทียมโดยการบังคับให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีหลายเป้าหมาย
กุญแจสำคัญในการลดภัยคุกคามอาวุธสกัดกั้นดาวเทียมคือความร่วมมือและข้อตกลงนานาชาติ
มีการหารือถึงการสั่งห้ามในระดับโลกที่อาจเกิดขึ้นที่องค์การสหประชาชาติ ตามรายงานของนางราเจสสวารี พิไล ราชโกปาลัน ผู้อำนวยการของศูนย์เพื่อความมั่นคง ยุทธศาสตร์ และเทคโนโลยีที่มูลนิธิออปเซอร์เวอร์ รีเสิร์ช ฟาวน์เดชันในกรุงนิวเดลี
“วิธีเดียวที่จะป้องกันการแข่งขันพัฒนาขีดความสามารถในการต่อต้านอวกาศรวมถึงอาวุธสกัดกั้นดาวเทียม คือการทำให้การทดสอบอาวุธสกัดกั้นดาวเทียมกลายเป็นประเด็นสำคัญในการอภิปรายแบบพหุภาคีเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธ” นางราชโกปาลันเขียนให้มูลนิธิ “เว้นแต่ว่าผู้มีบทบาทด้านอวกาศรายใหญ่จะรับทราบถึงอันตรายของอาวุธสกัดกั้นดาวเทียมและระงับการปรับใช้อวกาศมาเป็นอาวุธ ภัยคุกคามนี้ก็เป็นชะตาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง”
สหรัฐฯ กลายเป็นชาติแรกที่มีการเดินทางในอวกาศที่ประกาศห้ามการทดสอบอาวุธสกัดกั้นดาวเทียมในเดือนเมษายน พ.ศ. 2565
ในขณะเดียวกัน ตามข้อมูลจากนายแมคคลินต็อก รัฐบาลจีนและรัสเซียมองเห็นคุณค่าทางยุทธศาสตร์ในขีดความสามารถของอาวุธสกัดกั้นดาวเทียมเมื่อคำนึงถึงการพึ่งพาดาวเทียมทั่วโลกที่เพิ่มมากขึ้น แม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากเศษซากในอวกาศและความเป็นไปได้ที่มาตรการตอบโต้ของอาวุธสกัดกั้นดาวเทียมจะจำกัดประสิทธิภาพก็ตาม
ทอม แอบกี เป็นผู้สื่อข่าวสมทบของ ฟอรัม รายงานจากประเทศสิงคโปร์
ภาพจาก: จัสติน ไวส์บาร์ธ/ศูนย์ข่าวกรองทางอากาศและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ