กลุ่มประเทศจี-7 เรียกร้องให้จีนยุติการคุกคามและการใช้กำลัง

รอยเตอร์
ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติได้เรียกร้องให้สาธารณรัฐประชาชนจีนละเว้นจาก “การคุกคาม การบีบบังคับ การข่มขู่ หรือการใช้กำลัง” ขณะที่สหรัฐอเมริกา เน้นย้ำถึงแนวทางที่สอดคล้องกันมากขึ้นสำหรับประเทศต่าง ๆ ในการจัดการกับรัฐบาลจีน
ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่หลังจากการประชุม 2 วัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ 7 ประเทศประชาธิปไตยที่ร่ำรวยที่สุดในโลกได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน นอกจากนี้ยังแสดงจุดมุ่งหมายในการร่วมมือกับจีนเพื่อจัดการกับความท้าทายด้านสุขภาพและสภาพภูมิอากาศของโลก หากเป็นไปได้ (ภาพ: บรรดาเจ้าหน้าที่รวมตัวกันเพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 7 ประเทศ ณ เมืองมันสเตอร์ ประเทศเยอรมนี เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565)
นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังการประชุม ณ เมืองมันสเตอร์ ประเทศเยอรมนี ว่าประเทศในกลุ่มจี-7 พยายามประสานงานการตอบสนองต่อท่าทีที่แข็งกร้าวของจีนในระดับโลกมากขึ้น
“ในการประชุมของเราครั้งนี้ เรายังคงมีท่าทีชัดเจนเกี่ยวกับความจำเป็นในการปรับแนวทางของเราให้สอดคล้องกับจีนท่ามกลางการบีบบังคับที่เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนการผลักดันความร่วมมือเพื่อต่อต้านนโยบายและแนวทางปฏิบัติที่บิดเบือนตลาดของรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นภัยต่อแรงงานและอุตสาหกรรมในทุกประเทศของเรา” นายบลิงเคนกล่าว
การประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับการเดินทางเยือนจีน 1 วันของนายโอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ณ กรุงปักกิ่ง เพื่อพบปะกับนายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเป็นการเยือนจีนครั้งแรกของผู้นำกลุ่มจี-7 นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19
นายชอลซ์กดดันให้นายสีเกลี้ยกล่อมรัสเซียเพื่อยุติการรุกรานยูเครน โดยกล่าวว่ารัฐบาลจีนมีหน้าที่รับผิดชอบการดำเนินการดังกล่าวในฐานะมหาอำนาจ
นายบลิงเคนกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนเหตุผลของนายชอลซ์อย่างยิ่งในการเดินทางไปยังประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี ตลอดจนสนับสนุนให้นายสีกดดันนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ให้ “งดใช้อาวุธนิวเคลียร์ทุกชนิด”
ประเทศพันธมิตรตะวันตกกล่าวหาว่ารัสเซียข่มขู่ว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครน ซึ่งรัฐบาลรัสเซียให้การปฏิเสธ
นายบลิงเคนกล่าวเสริมว่าการมาบรรจบกันของจีนกับกลุ่มประเทศ จี-7 นั้น “แข็งแกร่งและชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ”
แถลงการณ์ของกลุ่ม จี-7 ระบุว่า ประเทศสมาชิกยังคง “เป็นกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ในและรอบ ๆ ทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้” หลังจากที่จีนได้จัดฉากเกมสงครามใกล้กับไต้หวันที่ปกครองตนเองในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565
รัฐบาลจีนอ้างว่าไต้หวันเป็นดินแดนของตนและข่มขู่หนักขึ้นว่าจะใช้กำลังเข้ายึดครองเกาะแห่งนี้
“เราเตือนจีนถึงความจำเป็นในการงดเว้นจากการคุกคาม การบีบบังคับ การข่มขู่ หรือการใช้กำลัง” ตามที่ระบุในแถลงการณ์ข้างต้น “ความพยายามแต่เพียงฝ่ายเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงสถานภาพที่เป็นอยู่โดยการใช้กำลังหรือการบีบบังคับ เป็นสิ่งที่เราคัดค้านอย่างยิ่ง”
นอกจากนี้ กลุ่ม จี-7 ยังกล่าวอีกว่าจะเดินหน้าหยิบยกข้อกังวลกับจีนเกี่ยวกับรายงานการละเมิดและการปฏิบัติต่อสิทธิมนุษยชนอย่างไม่เป็นธรรม รวมถึงในซินเจียงและทิเบต ตลอดจน “การบ่อนทำลายสิทธิ เสรีภาพ และเอกราชของฮ่องกงอย่างต่อเนื่อง”
การประชุมของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 ซึ่งนายสีรวมอำนาจมาไว้ในมือ เพิ่มการรับรู้ของกลุ่มประเทศ จี-7 เกี่ยวกับความทะเยอทะยานระดับประเทศและระดับโลกของนายสี ตลอดจนความจำเป็นในการตอบสนองเชิงประสานงาน เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวโดยไม่ประสงค์ออกนาม
“ประเด็นดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าจะเป็นจุดมุ่งเน้นของกลุ่มประเทศจี-7 เมื่อญี่ปุ่นดำรงตำแหน่งประธานในปีหน้า” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวระบุ โดยกล่าวถึงญี่ปุ่นที่คาดการณ์ว่าจะหมุนเวียนตำแหน่งประธานกลุ่มจี-7 ต่อจากเยอรมนีใน พ.ศ. 2566
ความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นเต็มไปด้วยข้อพิพาทเรื่องหมู่เกาะเซ็งกะกุที่อยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหมู่เกาะร้างในทะเลจีนตะวันออกที่จีนอ้างสิทธิด้วยเช่นกัน
เมื่อการประชุมจี-7 สิ้นสุดลง รัฐบาลญี่ปุ่นและรัฐบาลจีนได้วางแผนจัดการประชุมระหว่างนายสีและนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ตามรายงานจากหนังสือพิมพ์ ซันเคอิ ของญี่ปุ่น
“เป็นที่แน่ชัดว่าจีนมีความแข็งกร้าวมากขึ้นและพึ่งพาตนเองได้มากกว่าเดิม” นายโจเซป บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป ผู้เข้าร่วมการประชุม จี-7 กล่าวกับผู้สื่อข่าว “แต่ในขณะนี้ ประเทศสมาชิกจำนวนมากมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นกับจีน และผมไม่คิดว่าเราจะสามารถทำให้จีนและรัสเซียอยู่ในระดับเดียวกันได้”
ภาพจาก: รอยเตอร์