ติดอันดับระดับภูมิภาคอินโดแปซิฟิกเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ

การประเมินประจำปีสนับสนุนให้ญี่ปุ่นมีการใช้จ่ายด้านกลาโหมเพิ่มขึ้น

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

รายงานประจำปีใน พ.ศ. 2565 ของญี่ปุ่นเกี่ยวกับจุดยืนด้านกลาโหมมุ่งเน้นไปที่การประณามการโจมตีโดยไม่มีเหตุยั่วยุของรัสเซียในยูเครนและผลกระทบของสงครามต่ออินโดแปซิฟิก รวมถึงพฤติกรรมที่รุกรานของสาธารณรัฐประชาชนจีนและเกาหลีเหนือ โดยในรายงานสรุปว่าการกระทำดังกล่าวคุกคามความมั่นคงของญี่ปุ่นและความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ

จากการประเมินและการเสนอแนวทางปฏิบัตินั้น เป็นสิ่งที่ขัดต่อจุดยืนที่มีมานานหลายทศวรรษของญี่ปุ่นในฐานะประเทศผู้รักความสงบและต่อต้านการทำสงคราม นักวิเคราะห์กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุประสงค์ในรายงาน ซึ่งต้องระบุถึงข้อกังวลด้านความมั่นคงของรัฐบาลและสร้างการสนับสนุนให้มีการใช้จ่ายด้านกลาโหมเพิ่มขึ้น

“ประชาคมนานาชาติกำลังเผชิญกับความยากลำบากครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2” นายโนบุโอะ คิชิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นในขณะนั้น เขียนในสมุดปกขาวฉบับประจำปีของกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ซึ่งเผยแพร่เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565 นายยาสึคาสึ ฮามาดะ ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแทนนายคิชิเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565 ได้กล่าวถึงคำเตือนดังกล่าวอีกครั้ง โดยประกาศว่าโลกกำลังเผชิญกับ “วิกฤตยุคใหม่” ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะเจแปนไทมส์ นายฮามาดะกล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นต้องทบทวนถึงแนวทางความมั่นคงอีกครั้งท่ามกลางภัยคุกคามต่าง ๆ จากจีน รัสเซีย และเกาหลีเหนือ

สาระสำคัญของความสามารถในการป้องกัน การเป็นพันธมิตร และความท้าทายของญี่ปุ่นคือการใช้แนวทางแบบเน้นการทำสงครามมากขึ้น “ซึ่งดุลยภาพระหว่างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและนโยบายความมั่นคงได้เอนเอียงไปทางอย่างหลังมากขึ้น” ตามรายงานของสถาบันนโยบายความมั่นคงและการพัฒนา ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยไม่แสวงหาผลกำไรในสวีเดน รายงานในสมุดปกขาวเรียกร้องให้มีการรับมือระดับโลกเพื่อรักษามาตรฐานที่ได้รับการยอมรับและส่งเสริมอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง (ภาพ: กองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินญี่ปุ่นซ้อมรบในระหว่างการฝึกฟูจิไฟร์พาวเวอร์ในเมืองโกเทมบะเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565)

การโจมตีของรัสเซียก่อให้เกิดแบบอย่างที่อาจนำไปสู่การกระทำที่ผิดกฎหมายในที่อื่น ๆ ตามรายงานของสมุดปกขาว “การรุกรานอย่างต่อเนื่องของรัสเซียในยูเครนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงซึ่งห้ามมิให้มีการใช้กำลัง มีความกังวลว่าผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสถานภาพที่เป็นอยู่โดยการใช้กำลังแต่เพียงฝ่ายเดียวอาจขยายไปสู่ภูมิภาคอินโดแปซิฟิก”

จีนได้กระตุ้นให้เกิดความตึงเครียดในภูมิภาคด้วยการอ้างสิทธิ์อาณาเขตที่กว้างขวางในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ รวมถึงหมู่เกาะเซ็งกะกุที่อยู่ภายใต้การควบคุมของญี่ปุ่น นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังอ้างว่าไต้หวันเป็นดินแดนของตน และข่มขู่หนักขึ้นว่าจะใช้กำลังเข้ายึดครองไต้หวันซึ่งเป็นเกาะที่ปกครองตนเอง

“ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลจีนกับรัสเซีย ซึ่งเป็นชาติผู้รุกราน มีความแน่นแฟ้นมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีการเดินเรือและขึ้นบินร่วมกันของเรือและอากาศยานทั้งของจีนและรัสเซียในพื้นที่รอบ ๆ ญี่ปุ่น” นายคิชิเขียนในรายงาน “ยิ่งไปกว่านั้น จีนได้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าจะไม่ลังเลที่จะรวมไต้หวันเข้ากับประเทศของตนโดยใช้กำลัง ซึ่งเป็นการเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคนี้มากขึ้น”

นักวิเคราะห์ระบุว่า นับเป็นครั้งแรกที่สมุดปกขาวของกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับไต้หวัน “แนวโน้มโดยรวมชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีการของนโยบายต่างประเทศของญี่ปุ่นที่มีต่อไต้หวันอย่างชัดเจน” ตามรายงานของสถาบันนโยบายความมั่นคงและการพัฒนา

ไต้หวันเป็น “พันธมิตรที่สำคัญยิ่งสำหรับญี่ปุ่น โดยมีค่านิยมพื้นฐานร่วมกัน เช่น เสรีภาพและประชาธิปไตย” สมุดปกขาวระบุ เสถียรภาพของรัฐบาลไต้หวันที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย “มีความสำคัญต่อความมั่นคงของญี่ปุ่นและต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดด้วยความเร่งด่วน”

มีการเผยแพร่สมุดปกขาวไม่กี่วันก่อนที่คณะผู้แทนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐอเมริกาจะเดินทางไปเยือนไต้หวัน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีนางแนน ซีเพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร พรรคคอมมิวนิสต์จีนสั่งยกเลิกการหยุดพัก และต่อมากองทัพปลดปล่อยประชาชนได้ทำการฝึกซ้อมทางทหารทั้งในและรอบ ๆ ช่องแคบไต้หวัน ซึ่งรวมถึงการยิงขีปนาวุธห้าลูกที่ร่อนลงสู่พื้นที่ห่างจากญี่ปุ่นเป็นระยะ 160 กิโลเมตร

นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวว่าสมุดปกขาวของญี่ปุ่น “กล่าวเกินจริงเกี่ยวกับคำว่า ภัยคุกคามจากจีน” และแทรกแซงกิจการภายในของจีน ตามรายงานของรอยเตอร์

ในขณะเดียวกัน เกาหลีเหนือได้ทดลองยิงขีปนาวุธทิ้งตัวมากกว่า 40 ลูกใน พ.ศ. 2565 ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธลูกหนึ่งที่ยิงข้ามน่านฟ้าญี่ปุ่นในช่วงต้นเดือนตุลาคมและข่มขู่ว่าจะยิงหัวรบนิวเคลียร์ นอกจากนี้ยังสนับสนุนการโจมตีของรัสเซียในยูเครนอีกด้วย

สมุดปกขาวระบุว่า ในการตอบโต้ภัยคุกคามดังกล่าว ญี่ปุ่นควรเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมและจัดหากลยุทธ์ใหม่ “เพื่อชิงลงมือป้องปรามการเปลี่ยนแปลงสถานภาพที่เป็นอยู่โดยใช้กำลังและเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ต่อสงครามสมัยใหม่ รวมถึงสงครามข้อมูลและสงครามไซเบอร์ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้พบเห็นได้ในระหว่างการรุกรานยูเครนของรัสเซีย”

ญี่ปุ่น “ยังคงจัดตั้งกองกำลังป้องกันตนเองต่อไป เพื่อใช้เป็นกองกำลังแบบบูรณาการและปฏิบัติการหลายพื้นที่ ซึ่งจะรวมความสามารถของประเทศไว้ในพื้นที่เพิ่มเติม เช่น อวกาศ โลกไซเบอร์ และสเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า” ตามรายงานของเว็บไซต์ดีเฟนซ์นิวส์เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565

ความร่วมมือกับกลุ่มประเทศที่มีอุดมการณ์เดียวกันเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการป้องปราม สมุดปกขาวรายงานว่า ทั้งญี่ปุ่นและสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ที่ไม่สั่นคลอน ในขณะเดียวกัน การเจรจาความมั่นคงจตุภาคี ซึ่งประกอบด้วย ออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ เป็นความร่วมมือที่มีการขยายตัวมากขึ้นโดยมุ่งเน้นไปที่ความมั่นคงพหุภาคี และญี่ปุ่นเองก็ยังมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพันธมิตรอื่น ๆ ในภูมิภาคและในยุโรป

ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า ญี่ปุ่นควรยกระดับความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงเหล่านี้ เช่น ฟิลิปปินส์ช่วยแบ่งเบาความท้าทายด้านกลาโหมของญี่ปุ่นหลายประการ “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ ซึ่งดำเนินมานานกว่า 10 ปี จะช่วยยกระดับการป้องปรามในภูมิภาคและมีส่วนช่วยในด้านการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองในอนาคตของอินโดแปซิฟิก” พ.ท. โคจิโระ โทโนซากิ แห่งกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศญี่ปุ่น เขียนในบทความของสถาบันวิจัยนโยบายการต่างประเทศและยุทธศาสตร์เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565

สมุดปกขาวของกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นระบุย้ำว่าการโจมตีของรัสเซียในยูเครนและมิตรภาพระหว่างรัฐบาลรัสเซียกับจีนคือตัวพลิกเกม “ญี่ปุ่นให้ความสนใจกับความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่ห่างออกไปหลายพันกิโลเมตร พร้อมกับเฝ้ามองจีนที่เป็นมหาอำนาจทางทหารและแผนการของจีนสำหรับไต้หวันที่ปกครองตนเองอย่างระมัดระวัง โดยนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ย้ำเตือนว่า ‘ยูเครนในวันนี้อาจเป็นเอเชียตะวันออกในวันพรุ่งนี้’ ” ตามรายงานของเดอะเจแปนไทมส์

ภาพจาก: รอยเตอร์

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button