ปาปัวนิวกินีเสริมสร้างความร่วมมือด้านกลาโหมกับออสเตรเลียและสหรัฐฯ

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
เหล่าผู้นำกล่าวเมื่อกลางเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 ว่า กองทัพปาปัวนิวกินีจะเสริมความร่วมมือกับกองทัพออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกาภายใต้ข้อตกลงด้านความมั่นคงฉบับใหม่ รวมถึงจะมีการฝึกซ้อมแบบทวิภาคีและการลาดตระเวนทางทะเลร่วมกัน
การเสนอสนธิสัญญาระหว่างออสเตรเลียและปาปัวนิวกินีจะทำให้ความร่วมมือของทั้งสองประเทศ “ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราจะมีบุคลากรด้านกลาโหมที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กันมากขึ้น” นายริชาร์ด มาร์ลส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย และดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี กล่าวในระหว่างการเยือนพอร์ตมอร์สบี เมืองหลวงของปาปัวนิวกินี
“ความสัมพันธ์ด้านกลาโหมเป็นหนึ่งในจุดแข็งของความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี แต่สนธิสัญญานี้จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งดังกล่าว” นายมาร์ลส์กล่าว ตามรายงานของรอยเตอร์
นายมาร์ลส์ตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าหน้าที่กองทัพปาปัวนิวกินีส่วนใหญ่ได้รับการฝึกอบรมบางส่วนในออสเตรเลียแล้ว นอกจากนี้ กองทัพของทั้งสองประเทศยังทำการฝึกซ้อมร่วมกัน เช่น การฝึกคูมูลเอ็กซ์เชนจ์ประจำปีในรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดการฝึกโอลเกตาวอร์ริเออร์ในระดับทวิภาคี ตามรายงานของกองทัพออสเตรเลีย (ภาพ: เจ้าหน้าที่ของกองทัพออสเตรเลียและปาปัวนิวกินีทำการฝึกซ้อมใช้อาวุธระหว่างการฝึกคูมูลเอ็กซ์เชนจ์ ในรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564)
การเสนอข้อตกลงนี้เป็นข้อสนับสนุนเพิ่มเติมว่าพันธมิตรและแนวร่วมในอินโดแปซิฟิกมีส่วนร่วมมากขึ้นท่ามกลางความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับความพยายามของสาธารณรัฐประชาชนจีนในการขยายอิทธิพลสู่ประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ความกังวลดังกล่าวได้รับการเน้นย้ำอีกครั้งในเดือนเมษายน พ.ศ. 2565 เมื่อหมู่เกาะโซโลมอนลงนามในสนธิสัญญาความมั่นคงกับรัฐบาลจีนในการอนุญาตให้จีนส่งกองกำลังไปยังหมู่เกาะโซโลมอนเพื่อยุติความไม่สงบ ข้อตกลงที่ปิดเป็นความลับจำนวนมากก่อให้เกิดความกังวลว่ากองทัพปลดปล่อยประชาชนของจีนจะจัดตั้งฐานทัพเรือในหมู่เกาะโซโลมอน ซึ่งเป็นการคาดการณ์ที่ทั้งสองประเทศปฏิเสธ
ในวันที่นายมาร์ลส์เดินทางถึงปาปัวนิวกินี กองกำลังตำรวจหมู่เกาะโซโลมอนประกาศว่าเจ้าหน้าที่ 32 นายได้เดินทางไปประเทศจีนเป็นเวลาหนึ่งเดือนเพื่อฝึกฝนและทำความเข้าใจวัฒนธรรมจีนให้มากขึ้น ตามรายงานของรอยเตอร์
ขณะเดียวกันนายมาร์ลส์ได้ให้การต้อนรับสหรัฐฯ ที่ให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้มากขึ้น ซึ่งรวมถึงข้อตกลงนาวิกโยธินฉบับใหม่ที่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ของกองทัพปาปัวนิวกินีตรวจตราน่านน้ำจากบนเรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งสหรัฐฯ และเรือของกองทัพ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ปาปัวนิวกินีโพสต์-เคอเรียร์
เขตเศรษฐกิจพิเศษของปาปัวนิวกินีมีพื้นที่ประมาณ 3.1 ล้านตารางกิโลเมตร ด้วยพื้นที่น่านน้ำที่กว้างใหญ่และทรัพยากรที่จำกัด ทำให้ประเทศที่มีประชากรประมาณ 9.5 ล้านคนแห่งนี้ต้องเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญในการต่อสู้กับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย การลักลอบค้ามนุษย์และยาเสพติด ตลอดจนอาชญากรรมทางทะเลอื่น ๆ นายจัสติน คัตเชนโก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าว ตามรายงานของโพสต์-เคอเรียร์
นายคัตเชนโกยังกล่าวอีกว่า ข้อตกลงนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อสถานทูตแห่งใหม่ของสหรัฐฯ เปิดในพอร์ตมอร์สบีในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 “สิ่งนี้จะเชื่อมโยงเราเข้ากับระบบดาวเทียมของสหรัฐฯ ซึ่งเรือทั้งหมดในน่านน้ำของเราที่อยู่รอบ ๆ ปาปัวนิวกินีจะได้รับการสังเกตการณ์และตรวจสอบจากดาวเทียมเพื่อให้เราทราบว่ากลุ่มใดทำการประมงในน่านน้ำของเรา กลุ่มใดจับปลาของเรา กลุ่มใดเป็นเรือตัดไม้ผิดกฎหมายที่ลักลอบขนไม้ไปยังประเทศของตนโดยไม่ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้อง” นายคัตเชนโกกล่าว
นายคัตเชนโกกล่าวว่า การหารือเริ่มขึ้นระหว่างการประชุมสุดยอดของสหรัฐฯ และแปซิฟิกที่จัดขึ้นโดยนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาวเมื่อปลายเดือนกันยายน พ.ศ. 2565 ในฐานะส่วนหนึ่งของการประชุมสุดยอดนี้ สหรัฐฯ ได้เผยถึงยุทธศาสตร์แปซิฟิกซึ่งรวมไปถึงมาตรการอื่น ๆ เพื่อเรียกร้องให้จัดหาเงินทุน 600 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท) ในระยะเวลา 10 ปีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและส่งเสริมความพยายามในการฟื้นฟูสภาพอากาศสำหรับการประมงในมหาสมุทรแปซิฟิก
นายมาร์ลส์ระบุว่าสหรัฐฯ มีข้อตกลงนาวิกโยธินกับประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกอื่น ๆ นายมาร์ลส์กล่าวว่า “เราส่งเสริมความสัมพันธ์เหล่านี้มาเป็นเวลานานแล้ว และเราเปิดกว้างอย่างเต็มที่ในการหาวิธีอื่น ๆ ที่เราสามารถใช้ประโยชน์จากการลักลอบและการเคลื่อนไหวที่มีอยู่นี้ที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อให้แน่ใจว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นในลักษณะที่สามารถเฝ้าระวังการทำประมงที่ผิดกฎหมายได้ดียิ่งขึ้น”
“แน่นอนว่าสำหรับปาปัวนิวกินีแล้ว เขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดและเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องปกป้อง” นายมาร์ลส์กล่าวกับโพสต์-เคอเรียร์
นายคัตเชนโกเรียกข้อตกลงนาวิกโยธินที่ทำร่วมกับสหรัฐฯ ว่าเป็น “ตัวพลิกเกม” และปาปัวนิวกินีก็กำลังทำงานร่วมกับออสเตรเลียเพื่อทำให้ข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหมเสร็จสมบูรณ์เพื่อปกป้องภูมิภาคนี้
“ซึ่งเป็นเอกสารที่มีความละเอียดถี่ถ้วนที่จะนำพาพันธมิตรดั้งเดิมมาช่วยเราในการสร้างขีดความสามารถของกองทัพปาปัวนิวกินีและปกป้องอธิปไตยของประเทศ” ตามรายงานของโพสต์-เคอเรียร์ “และเป็นเรื่องของการสร้างสินทรัพย์และขีดความสามารถ”
ภาพจาก: กระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย