จีนใช้การรณรงค์ใส่ร้ายป้ายสีในการแข่งขันจัดหาแร่ธาตุหายากบนโลก
ทอม แอบกี
เมื่อสาธารณรัฐประชาชนจีนสูญเสียความเป็นผู้นำในการจัดหาแร่ธาตุหายากให้กับโลก ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และการผลิตด้านกลาโหม รัฐบาลจีนได้ตอบสนองโดยการโจมตีผู้จัดหาธาตุหายากรายใหญ่อีกรายด้วยการรณรงค์บิดเบือนข้อมูล
การรณรงค์นี้มีเป้าหมายอยู่ที่กลุ่มคนในออสเตรเลีย มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา โดยต้องการสร้างความมัวหมองให้กับชื่อเสียงของไลนาส แรร์ เอิร์ธ บริษัทเหมืองแร่ออสเตรเลีย ในประเทศต่าง ๆ ที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ไลนาสจัดตั้งห่วงโซ่อุปทานธาตุหายากที่เป็นอิสระจากจีน
“การผนวกรวมการรณรงค์การบิดเบือนข้อมูลแสดงให้เห็นถึงการดำเนินการในระดับใหม่ที่จีนเต็มใจที่จะใช้ นอกเหนือไปจากการคุกคามด้วยการจำกัดการส่งออกตามปกติ” ดร. ฟาเบียน วิลลาโลบอส วิศวกรร่วมของบริษัทแรนด์คอร์ปอเรชัน กล่าวกับฟอรัม “จีนต้องการปกป้องส่วนแบ่งการตลาดของตนไม่ให้ลดน้อยลงไปมากกว่าที่เคยมี”
ตามข้อมูลของ ดร. วิลลาโลบอส จีนต้องการครอบงำห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุหายากทั้งสองส่วน นั่นคือ การสกัดและการแปรรูป เพราะกิจกรรมของไลนาส ทำให้จีนที่เคยควบคุมการสกัดได้กว่าร้อยละ 90 ลดลงเหลือประมาณร้อยละ 60 ดร. วิลลาโลบอสกล่าว
ไลนาสสกัดธาตุหายากจากเหมืองเมาต์เวลด์ในออสเตรเลีย จีนมีโรงงานแปรรูปแร่ธาตุหายากอยู่ในมาเลเซียและวางแผนที่จะสร้างโรงงานแห่งใหม่ในเท็กซัส โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการแปรรูปของตน
สถาบันนโยบายเชิงยุทธศาสตร์แห่งออสเตรเลียได้ระบุการรณรงค์ใส่ร้ายป้ายสีของจีน โดยการติดตามเครือข่ายบัญชีปลอมบนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ที่แพร่กระจายข้อมูลปลอมและชี้นำไปในทางที่ผิดเกี่ยวกับการดำเนินการของไลนาสในออสเตรเลียและมาเลเซีย และเกี่ยวกับนางอแมนดา ลาเคซ ประธานกรรมการบริหารของไลนาส ตามรายงานของสถาบันนโยบายเชิงยุทธศาสตร์แห่งออสเตรเลีย นักวิเคราะห์เชื่อมโยงบัญชีกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนตามกิจกรรมก่อนหน้านี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่พบในรายงานเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 ที่ชื่อ “การรณรงค์ข้อมูลของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนมีเป้าหมายไปที่แร่ธาตุหายากและไลนาส ซึ่งเป็นบริษัทออสเตรเลีย”
สถาบันนโยบายเชิงยุทธศาสตร์แห่งออสเตรเลียยืนยันว่าการรณรงค์มีแนวโน้มเป็นไปเพื่อสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของบริษัทและขัดขวางแผนการที่จะเพิ่มการผลิตและขยายการดำเนินการของบริษัท บัญชีในเครือข่ายแนะนำนักลงทุนไม่ให้ซื้อหุ้นไลนาส กล่าวหาอย่างหลอกลวงว่าบริษัทกำลังทำร้ายสิ่งแวดล้อม และเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรทั้งในภาษาอังกฤษและภาษาจีนกลาง
ใน พ.ศ. 2553 บริษัท โซจิตซ์คอปอเรชัน ที่อยู่ในโตเกียวได้ลงนามในข้อตกลงมูลค่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.02 หมื่นล้านบาท) กับบริษัทไลนาสเพื่อจัดหาแร่ธาตุหายากให้แก่ญี่ปุ่น ดร. วิลลาโลบอสกล่าวเพิ่มเติม เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากการสั่งห้ามเรือเข้าหรือออกจากท่าเป็นเวลาสองเดือนโดยรัฐบาลจีน ซึ่งปิดกั้นการจัดส่งแร่ธาตุหายากจากจีนไปยังญี่ปุ่นหลังจากที่กองกำลังรักษาชายฝั่งญี่ปุ่นจับกุมกัปตันเรือของจีนในข้อหาการทำประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายใกล้กับหมู่เกาะเซ็งกะกุของญี่ปุ่น
ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้มอบเงินจำนวน 30.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.09 ล้านบาท) ให้แก่ไลนาสเพื่อช่วยสร้างโรงงานในรัฐเท็กซัส มีการลงนามในสัญญาที่เกิดขึ้นตามมากับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มูลค่า 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4 พันล้านบาท) ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 ตามรายงานของรอยเตอร์ การลงนามนี้เกิดขึ้นสามสัปดาห์หลังจากที่ไลนาสประกาศแผนขยายกิจการมูลค่า 346 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 12.5 หมื่นล้านบาท) ที่รวมถึงโรงงานแปรรูปแร่ธาตุหายากในออสเตรเลียด้วย
ดร. วิลลาโลบอสกล่าวว่า ไมโครอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากต้องอาศัยแร่ธาตุหายาก จำเป็นต้องใช้แร่ธาตุหายากจำนวนมากกว่า 400 กิโลกรัมเพื่อผลิตเครื่องบินขับไล่เอฟ-35 ไลท์นิ่ง 2 ดร. วิลลาโลบอสกล่าวเสริมว่า แร่ธาตุหนักที่หายากกว่าและมีมูลค่ามากกว่านั้นมีคุณค่าอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมกลาโหม และจีนกำลังครองตลาดนี้
เพื่อเป็นการสนับสนุนไลนาสจากออสเตรเลีย ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ได้ระบุว่า นานาชาติจะจัดตั้งห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุหายากที่ไม่พึ่งพาจีน ดร. วิลลาโลบอสกล่าว
“สิ่งเดียวที่พวกเขาจำเป็นต้องมีเพื่อเอาชนะคือการสามารถจัดหาทรัพยากรได้ตามต้องการนอกประเทศจีน” ดร. วิลลาโลบอสกล่าว “ซึ่งนั่นคิดเป็นร้อยละ 50 ของความต้องการของโลก”
นายทอม แอบกี เป็นผู้สื่อข่าวสมทบของฟอรัม รายงานจากประเทศสิงคโปร์
ภาพจาก: ไลนาส แรร์ เอิร์ธ