
นักวิจัยในประเทศไทยได้พัฒนาเครื่องดึงปริมาณวัคซีนโควิด-19 ออกมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพของเวชภัณฑ์
นักวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวว่า การใช้แขนกลระบบออโตแวคสามารถดึงวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าออกจากขวดได้ 12 โดสภายใน 4 นาที
ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 จากปริมาณมาตรฐาน 10 โดสจากการใช้แรงคน นักวิจัยกล่าว หุ่นยนต์นี้สามารถใช้งานได้กับขวดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเท่านั้น
“ส่วนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 หมายความว่า หากเรามีวัคซีนแอส
ตร้าเซนเนก้าสำหรับ 1 ล้านคน หุ่นยนต์นี้สามารถเพิ่มจำนวนผู้ได้รับวัคซีนเป็น 1.2 ล้านคน” รศ.ดร. จุฑามาศ รัตนวราภรณ์ หัวหน้านักวิจัย กล่าว
รศ.ดร. จุฑามาศกล่าวว่า แม้ว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขบางคนสามารถดึงยาได้มากถึง 12 โดสต่อ 1 ขวดโดยใช้หลอดฉีดยาที่ออกแบบมาเพื่อลดวัคซีนเหลือทิ้ง แต่การทำเช่นนั้นจำเป็นต้องใช้ทักษะระดับสูง “ซึ่งอาจทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสูญเสียพลังงานเป็นจำนวนมาก พวกเขาจะต้องทำเช่นนี้ทุกวันเป็นเวลาหลายเดือน”
จนถึงเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 ประเทศไทยมีผู้ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วประมาณร้อยละ 9 ของจำนวนประชากรกว่า 66 ล้านคน โดยจำนวนวัคซีนที่มีอยู่ในประเทศนั้นต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทีมวิจัยกล่าวว่าจะสามารถผลิตหุ่นยนต์ออโตแวคได้อีก 20 เครื่องภายใน 3 – 4 เดือน แต่จำเป็นต้องได้รับเงินทุนและการสนับสนุนจากรัฐบาลในการกระจายเครื่องนี้ไปทั่วประเทศ
รศ.ดร. จุฑามาศกล่าวว่า เครื่องต้นแบบมีราคา 2.5 ล้านบาท รวมถึงอุปกรณ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เช่น หลอดฉีด นอกจากนี้ นักวิจัยยังวางแผนที่จะพัฒนาหุ่นยนต์ที่คล้ายกันเพื่อใช้กับวัคซีนไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคและโมเดอร์นาอีกด้วย
เครื่องดังกล่าวจะช่วยลดภาระของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข รศ.ดร. จุฑามาศ กล่าว “หากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเหนื่อยล้ามากเกินไป ก็มีโอกาสเกิดความผิดพลาดในการทำงานได้เช่นกัน ดังนั้นเราควรปล่อยให้หุ่นยนต์ทำงานในส่วนนี้” รอยเตอร์