ความขัดแย้ง/ความตึงเครียดติดอันดับปัญหาหลักระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ

ชื่อเสียงของกองทัพปลดปล่อยประชาชนในด้านการทำสงครามและการข่มขู่เป็นที่เลื่องลือตลอด 95 ปีที่ผ่านมา

วิดีโอที่เป็นกระแสเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565 แสดงภาพรถถังของกองทัพปลดปล่อยประชาชนที่เคลื่อนที่อย่างช้า ๆ ไปตามถนนที่คราคร่ำด้วยผู้คนเพื่อปกป้องธนาคารของรัฐ โดยในท้ายที่สุด ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส และฟรานซ์24 พบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เป็นความจริง สิ่งที่ปรากฏในวิดีโอคือการซ้อมรบประจำปีในเมืองรื่อจ้าว ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการประท้วงธนาคารที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร

อย่างไรก็ตาม บางคนเรียกเหตุการณ์ที่ปรากฏในการโพสต์ช่วงแรก ๆ ว่า “จัตุรัสเทียนอันเหมิน 2” ซึ่งเป็นการอ้างอิงถึงการปะทะกันใน พ.ศ. 2532 ที่กองทัพของรัฐบาลจีนกราดยิงนักเคลื่อนไหวและพลเรือนทั่วไป ณ ใจกลางกรุงปักกิ่ง หลายสิบปีต่อมา ภาพถ่ายของชายคนหนึ่งที่ยืนท้าทายอย่างกล้าหาญต่อหน้าหนึ่งในรถถังของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจำนวนมากที่จัตุรัสเทียนอันเหมินยังคงได้รับความสนใจไปทั่วโลก ยกเว้นในประเทศจีน ซึ่งฝ่ายรัฐดำเนินการอย่างก้าวร้าวเพื่อกำจัด “เหตุการณ์” เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนออกไปจากการรับรู้ของชาวจีน

มีความเป็นไปได้ว่าวิดีโอดังกล่าวอาจทำให้ผู้คนเข้าใจผิด ตลอดประวัติศาสตร์ของกองทัพปลดปล่อยประชาชน ซึ่งจะครบ 95 ปีในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2565 กองกำลังของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ใช้กลยุทธ์ความกระหายสงครามและสร้างความหวาดกลัวเพื่อขยายอาณาเขตของตน ด้วยการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านและปิดปากพลเรือนทั้งในและต่างประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับข้อบังคับของพรรค

กลยุทธ์ดังกล่าวที่ใช้กับประเทศเพื่อนบ้านของจีนเป็น “การทูตที่อุกอาจและก้าวร้าว” ตามรายงานในบทความเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565 ของนิตยสารข่าวออนไลน์เดอะดิโพลแมต แนวทางดังกล่าว “เมื่อรวมกับการใช้การบีบบังคับทางเศรษฐกิจของรัฐที่เพิ่มขึ้นต่อประเทศต่าง ๆ และบริษัทข้ามชาติของจีนทั้งในและต่างประเทศ แน่นอนว่ามีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดความรู้สึกเชิงลบ” บทความดังกล่าวระบุ

“ข้อความดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ากองทัพจีนทั้งทางอากาศและทางทะเล มีความก้าวร้าวมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในภูมิภาคนี้” พล.อ. มาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของกองทัพบกสหรัฐฯ กล่าวเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565 ในอินโดนีเซียระหว่างการเดินทางไปยังภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

พล.อ. มิลลีย์กล่าวว่า การสกัดกั้นกองกำลังสหรัฐฯ และกองกำลังพันธมิตรในอินโดแปซิฟิกโดยอากาศยานและเรือจีนได้เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เนื่องด้วยความสัมพันธ์ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

ในปัจจุบัน ความพยายามของกองทัพปลดปล่อยประชาชนในการข่มขู่ในสถานที่ต่าง ๆ เช่น ทะเลจีนใต้ ช่องแคบไต้หวัน และตามแนวชายแดนจีน-อินเดีย เกิดขึ้นจากการเผชิญหน้าที่ทำลายชื่อเสียงสาธารณรัฐประชาชนจีนและส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน เช่น

ใน พ.ศ. 2493 กองกำลังกองทัพปลดปล่อยประชาชนได้รุกรานทิเบตเพื่อนำมาซึ่ง “การปลดปล่อย” และปฏิบัติตามการอ้างสิทธิ์ของจีนต่อภูมิภาคนี้ ตามรายงานของบีบีซี ซึ่งในทศวรรษต่อ ๆ มา กองทัพปลดปล่อยประชาชนได้ปราบปรามการก่อจลาจลของชาวทิเบตที่เรียกร้องเอกราช บีบีซีรายงานว่า ชาวทิเบตหลายพันคนคาดว่าถูกสังหารในช่วงการปราบปรามและการใช้กฎอัยการศึกนับตั้งแต่เริ่มการยึดครอง

ใน พ.ศ. 2522 ทหารและพลเรือนหลายพันคนเสียชีวิตเมื่อกองทัพปลดปล่อยประชาชนข้ามพรมแดนเข้าสู่ตอนเหนือของเวียดนาม หลังจากกล่าวหาว่าเวียดนามกดขี่คนที่มีเชื้อสายจีนและสู้รบกับกัมพูชาที่เป็นพันธมิตรกับรัฐบาลจีน ตามรายงานของเดอะดิโพลแมต โดยทั้งจีนและเวียดนามต่างก็อ้างชัยชนะหลังจากการรบกันในครั้งนั้นตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์จนถึงกลางเดือนมีนาคม

ใน พ.ศ. 2532 ผู้ประท้วงฝ่ายประชาธิปไตยได้ยึดครองจัตุรัสเทียนอันเหมินในเดือนเมษายนและก่อกบฏทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จีน หลังจากการประท้วงเป็นเวลาหกสัปดาห์ กองกำลังกองทัพปลดปล่อยประชาชนได้เปิดฉากยิงประชาชนตามท้องถนนในช่วงต้นเดือนมิถุนายน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายร้อยคนหรืออาจหลายพันคน ตามรายงานของบีบีซี (ภาพ: ผู้ประท้วงคนหนึ่งยืนเผชิญหน้ากับรถถังคันหนึ่งของกองทัพปลดปล่อยประชาชนที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งเป็นหนึ่งในภาพที่โด่งดังที่สุดของความขัดแย้งในครั้งนั้น ตัวตนและชะตากรรมของชายดังกล่าวยังคงไม่เป็นที่ทราบ แต่ประวัติศาสตร์จารึกเขาไว้ในฐานะ “มนุษย์รถถัง”)

ประวัติศาสตร์ที่เลวร้าย

กองกำลังติดอาวุธ ซึ่งเริ่มต้นโดยกบฏคอมมิวนิสต์ที่ก่อจลาจลในหนานชาง เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2470 ได้เติบโตขึ้นเป็นกองทัพแดงอย่างรวดเร็ว ในอีกสองทศวรรษต่อมา กองกำลังดังกล่าวได้เข้าร่วมในสงครามกลางเมืองจีนเพื่อต่อต้านรัฐบาลชาตินิยมฝ่ายประชาธิปไตย และสงครามดังกล่าวหยุดชะงักลงเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างต่อต้านจักรวรรดิญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษที่ 1930 (พ.ศ. 2473-2482) และ 1940 (พ.ศ. 2483-2492) ใน พ.ศ. 2492 กองกำลังคอมมิวนิสต์ได้ขับไล่กองทัพชาตินิยม เรียกตัวเองใหม่ว่าเป็นกองทัพปลดปล่อยประชาชน และเข้าร่วมกับจีน

แม้ว่ากองทัพปลดปล่อยประชาชนเติบโตขึ้น ผ่านการปฏิรูป และพยายามที่จะยกระดับให้กองกำลังทางบก ทางทะเล ทางอากาศ ทางไซเบอร์และอวกาศของตนมีความเป็นมืออาชีพ แต่กองทัพก็ยังคงรักษาชื่อเสียงอันยาวนานของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในด้านการรุกรานและการข่มขู่

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กองกำลังกองทัพปลดปล่อยประชาชนได้คุกคามกองกำลังรักษาชายฝั่งและกองเรือประมงของประเทศอื่น ๆ ในทะเลจีนใต้ ซึ่งส่วนใหญ่จีนจะอ้างสิทธิ์ว่าเป็นดินแดนอธิปไตยของตน จีนได้กำหนดเขตแดนทางทะเลที่ไม่ชัดเจนด้วยตนเอง โดยยืนกรานต่อคำตัดสินของศาลระหว่างประเทศใน พ.ศ. 2559 ที่พิพากษาให้การอ้างสิทธิ์ของจีนในข้อพิพาทกับฟิลิปปินส์เป็นโมฆะ

“ผลกระทบคือการขยายอิทธิพลของจีนในทะเลจีนใต้และความท้าทายที่เพิ่มขึ้นต่อกฎหมายระหว่างประเทศ” ตามรายงานของสถาบันวิจัยนโยบายการต่างประเทศและยุทธศาสตร์

พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้พยายามส่งเสริมการอ้างสิทธิ์เหล่านี้โดยยึดครองและวางกำลังทหารตามเกาะขนาดเล็กและแนวปะการังในทะเลจีนใต้ รวมทั้งท้าทายผู้อ้างสิทธิ์อื่น ๆ เช่น ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และเวียดนาม ด้วยปฏิบัติการการบินทางทหารและการบุกรุกของเรือรบในเขตเศรษฐกิจพิเศษ

นอกจากนี้ กองทัพปลดปล่อยประชาชนยังได้ใช้การปฏิเสธของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ว่าช่องแคบไต้หวันเป็นน่านน้ำสากล โดยขู่ว่าจะกีดกันเรือของประเทศอื่น ๆ ให้ออกจากช่องแคบในระยะ 160 กิโลเมตร ซึ่งแบ่งแยกเกาะไต้หวันที่ปกครองตนเองออกจากจีนแผ่นดินใหญ่

กองกำลังกองทัพปลดปล่อยประชาชนยังกระตุ้นให้ข้อพิพาทพรมแดนระหว่างจีนและอินเดียรุนแรงขึ้น เส้นทาง 3,440 กิโลเมตรที่แบ่งแยกทั้งสองประเทศได้กระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งมานานหลายทศวรรษ โดยสลับไปมาระหว่างการปะทะทางทหารและการสงบศึกที่น่ากังวล

“หากจีนรบกวนสันติภาพและความสงบสุข หากมีการนองเลือด การข่มขู่ และความขัดแย้งในพรมแดนต่อไป การกระทำเหล่านั้นย่อมเป็นตัวบ่งบอกถึงความสัมพันธ์อย่างชัดเจน” นายซูบราห์มาเนียม ไจชานการ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย กล่าวเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2564 ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ฮินดูสถานไทมส์

จีนและอินเดียปะทะกันอย่างรุนแรงครั้งสุดท้ายในหุบเขากัลวานตามแนวเส้นควบคุมแท้จริงเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตทั้งสองฝ่าย ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายยังคงตึงเครียด แม้ว่าจะมีความร่วมมือด้านการค้าของสองประเทศก็ตาม

สหรัฐฯ พร้อมด้วยพันธมิตรและหุ้นส่วนกำลังเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่มีอุดมการณ์เดียวกันเพื่อต่อต้านการรุกรานของจีนและความพยายามที่จะขยายบทบาทและอิทธิพลในภูมิภาคนี้

จีนกำลัง “พยายามขยายอิทธิพลของตนไปทั่วภูมิภาค และนั่นอาจส่งผลกระทบที่ไม่เป็นผลดีต่อพันธมิตรและหุ้นส่วนของเราในภูมิภาคนี้อย่างแน่นอน” พล.อ. มิลลีย์กล่าว

เมื่อไม่นานมานี้ พล.อ. มิลลีย์ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ติดตามความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

ภาพจาก: รอยเตอร์

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button