กิจกรรมที่ผิดกฎหมายติดอันดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

พันธมิตรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยกระดับการลาดตระเวนทางทะเลแบบไตรภาคี

กัสดี ดา คอสตา

เจ้าหน้าที่และนักวิเคราะห์กล่าวว่า การลาดตระเวนทางทะเลในทะเลซูลูและเซเลเบสที่เริ่มปฏิบัติการเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเกี่ยวข้องกับกองทัพของอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ สอดคล้องกับการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการก่อการร้ายที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งสามประเทศวางแผนที่จะยกระดับการลาดตระเวนด้วยการเฝ้าระวัง ข่าวกรอง และการสื่อสารที่ดีขึ้นเพื่อเพิ่มความมั่นคงและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

หน่วยลาดตระเวนอินโดมาลฟี ซึ่งเป็นชื่อเรียกที่ผสานชื่อของประเทศพันธมิตรเข้าด้วยกัน เริ่มขึ้นใน พ.ศ. 2560 อันเป็นผลมาจากข้อตกลงความร่วมมือไตรภาคีที่รัฐบาลทั้งสามลงนามไว้ก่อนหน้านั้นหนึ่งปี ความท้าทายด้านความมั่นคงเป็นสิ่งที่ “น่ากังวลอย่างยิ่ง” ในทะเล ซึ่งพรมแดนทางทะเลของทั้งสามประเทศมาบรรจบกันในพื้นที่ที่ “มีประวัติศาสตร์การเมืองอันซับซ้อนและประวัติด้านกิจกรรมทางทะเลที่ผิดกฎหมายมายาวนาน” ตามรายงานของสเตเบิล ซีส์ ซึ่งเป็นโครงการวิจัยที่ไม่แสวงหาผลกำไร

“วัตถุประสงค์หลักคือการยกระดับความมั่นคงในทะเลซูลูและซูลาเวซี (เซเลเบส)” พ.อ. คูร์เนียวัน ฟีร์มิซีแห่งกองทัพบกอินโดนีเซีย เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย กล่าวกับ ฟอรัม “การได้รับการคุ้มครองในระดับสูงจากทุกฝ่ายอาจเป็นผลดี ซึ่งสามารถเพิ่มพูนเศรษฐกิจ อำนวยความสะดวกการจราจรระหว่างประเทศที่อยู่ติดกับพื้นที่ทะเลซูลู และพัฒนาความมั่นคงชายแดนและความร่วมมือระหว่างประเทศ เป้าหมายคือเพื่อรักษาความปลอดภัยทะเลซูลูและน่านน้ำชายแดนทางทะเลสำหรับทั้งสามประเทศ”

นับตั้งแต่การเริ่มปฏิบัติการของหน่วยดังกล่าว หน่วยลาดตระเวนอินโดมาลฟีได้ยับยั้งและป้องกันการโจมตีเรือในทะเลโดยโจรสลัดและองค์กรหัวรุนแรงต่าง ๆ เช่น กลุ่มอะบูซัยยาฟ พ.อ. คูร์เนียวันกล่าว ไม่มีรายงานว่ามีการกระทำอันเป็นโจรสลัดเพื่อเรียกค่าไถ่ในน่านน้ำที่มีการลาดตระเวนใน พ.ศ. 2564 ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย ซึ่งรู้จักกันในชื่อเคมฮัน เมื่อไม่นานมานี้ในปี พ.ศ. 2560 ยังมีรายงาน 99 ฉบับระบุว่ามีการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นโดยใช้อาวุธในพื้นที่ดังกล่าว ตามข้อตกลงความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อต่อต้านการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นโดยใช้อาวุธต่อเรือในเอเชีย

กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียรายงานว่า ในช่วงปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 มีการประกาศเพิ่มประสิทธิภาพการลาดตระเวนสี่หมวดหมู่ในการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยข้อตกลงความร่วมมือไตรภาคีที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารโดยส่งเจ้าหน้าที่ประสานงานจากแต่ละประเทศพันธมิตรไปยังศูนย์บัญชาการทางทะเลของแต่ละประเทศ การฝึกซ้อมไตรภาคีทางทะเล การใช้วิธีที่นำโดยหน่วยข่าวกรองในการปฏิบัติการเฝ้าระวัง การปรับปรุงโครงสร้างข้อตกลงความร่วมมือไตรภาคี อีกทั้งการสื่อสารและความร่วมมือกันเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมและความมุ่งมั่นของพันธมิตร (ภาพ จากซ้าย: นายปราโบโว ซูเบียนโต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย นายฮิชามมุดดิน ตุน ฮุสเซน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาวุโสมาเลเซีย และนายเดลฟิน ลอเรนซานา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์ เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยข้อตกลงความร่วมมือไตรภาคีที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565)

“มีเทคโนโลยีการเฝ้าระวังเพิ่มขึ้น รวมทั้งโดรนและระบบดาวเทียม” พ.อ. คูร์เนียวันกล่าว

นางคอนนี ราฮากุนดินี บาครี นักวิเคราะห์ด้านกลาโหมและผู้เขียนเรื่อง “การป้องกันอินโดนีเซีย” กล่าวต่อ ฟอรัม

“ประเทศเหล่านี้จะเพิ่มความร่วมมือกับภูมิภาคอื่น ๆ อย่างแน่นอน เช่น ยุโรป โดยการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ทางทะเลของตน” นางบาครีกล่าว “เหตุผลก็คือการซื้อขายจะราบรื่นขึ้นเนื่องจากมีความปลอดภัย ดังนั้นค่าความเสี่ยงก็จะน้อยลง”

นางบาครีได้แนะนำการปรับปรุงเพิ่มเติมสองประการ ได้แก่ เพิ่มความถี่ในการลาดตระเวนในทะเลซูลูและเสริมการลาดตระเวนด้วย “อากาศยานเพิ่มเติม เช่น อากาศยานลาดตระเวน การสนับสนุนทางอากาศอย่างใกล้ชิดหรืออากาศยานโจมตี หน่วยคอมมานโดจากเฮลิคอปเตอร์ ฯลฯ”

กัสดี ดา คอสตา เป็นผู้สื่อข่าวสมทบของ ฟอรัม รายงานจากประเทศอินโดนีเซีย

ภาพจาก: กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button