ติดอันดับ

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า กลวิธีในการปราบปรามยาเสพติดอาจขัดขวางการทำประมงที่ผิดกฎหมาย

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

ตามที่มีรายงานว่าการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงได้สำรวจการใช้กลยุทธ์ในการปราบปรามยาเสพติดข้ามชาติเพื่อต่อต้านปฏิบัติการดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก

การทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมนั้นได้คุกคามการดำรงชีวิตของผู้คนมากกว่า 3 พันล้านคนทั่วโลกที่ต้องพึ่งพาการทำประมงในการทำงานหรือหาอาหาร ตามการรายงานของแชร์อเมริกา มีการจับสัตว์น้ำเกินปริมาณมากกว่าร้อยละ 33 ของจำนวนปลาทั่วโลก และอีกกว่าร้อยละ 59.9 ในระดับการจับสัตว์น้ำที่ต่อเนื่องสูงสุด ตามที่ระบุในรายงานขององค์การสหประชาชาติใน พ.ศ. 2561

ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงกล่าวว่า เครือข่ายอาชญากรรมที่เกี่ยวกับการค้ายาเสพติด อาวุธ และมนุษย์ซึ่งมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หันไปใช้การทำประมงที่ผิดกฎหมายเพื่อช่วยสนับสนุนองค์กรของตน เช่น กลุ่มอาชญากรรมมักใช้บริษัทบังหน้าในการฟอกเงินและใช้แรงงานทาสในการทำประมง ตามรายงานของศูนย์วิจัยสติมสัน ใน พ.ศ. 2561

การหยุดอาชญากรรมดังกล่าวนั้นอยู่นอกเหนือขอบเขตของการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและกลุ่มผู้อนุรักษ์ที่เฝ้าตรวจสอบการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ตามที่ระบุไว้ในรายงานของศูนย์วิจัยสติมสัน ชื่อว่า “ทอดตาข่ายจับปลาให้กว้างขึ้น: ผลกระทบด้านความปลอดภัยของการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม” รายงานดังกล่าวระบุว่า แม้ว่าการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมทั้งหมด แต่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระบุว่าแนวโน้มดังกล่าวนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ภัยคุกคามต่อความมั่นคงระดับชาติและระดับภูมิภาคดังกล่าว “บังคับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกา ให้พัฒนากลยุทธ์ของหน่วยงานภาครัฐเพื่อต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม” ซึ่ง “เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงความเชี่ยวชาญของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงผู้ที่มีความรู้ครอบคลุมตั้งแต่การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การพัฒนา การค้า และการเงิน ไปจนถึงการรวบรวมข่าวกรองและการบังคับใช้กฎหมาย ตลอดจนชุมชนของผู้ที่มีส่วนได้เสียจำนวนมากที่สนใจต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม” รายงานดังกล่าวระบุ

“ในการต่อต้านเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้อย่างเป็นองค์รวมมากยิ่งขึ้น ต้องสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายมากขึ้นกับพันธมิตรในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก และเพิ่มการแสดงตนทางทะเลของสหรัฐฯ ในแปซิฟิก โดยรัฐสภาสหรัฐฯ ควรเรียกร้องให้กระทรวงกลาโหมมีบทบาทในการสนับสนุนโดยตรงมากขึ้น” ตามคำกล่าวของ น.ท. เจเรมี กรีนวูด ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาชายฝั่งสหรัฐฯ และผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลกลางที่สถาบันบรูกกิงส์ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เขียนไว้ในบทความของสถาบันวิจัย ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

น.ท. กรีนวูดระบุว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองกำลังเฉพาะกิจร่วมตะวันตก ของกองบัญชาการสหรัฐฯ ภาคพื้นอินโดแปซิฟิกที่ตั้งอยู่ในฮาวาย สามารถต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมได้ด้วยเครื่องมือที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อต่อกรกับการค้ายาเสพติด กองกำลังเฉพาะกิจซึ่งนำโดยผู้บัญชากองกำลังรักษาชายฝั่งสหรัฐฯ ได้รวบรวมทรัพยากรจากหน่วยข่าวกรองและหน่วยงานภาครัฐเพื่อจัดการกับวัตถุประสงค์ด้านการบังคับใช้กฎหมายจากมุมมองด้านความมั่นคง (ภาพ: เฮลิคอปเตอร์ของกองกำลังรักษาชายฝั่งสหรัฐฯ บินอยู่เหนือเรือที่ต้องสงสัยว่าเป็นเรือที่มีการทำประมงที่ผิดกฎหมายในมหาสมุทรแปซิฟิก)

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2532 กองกำลังเฉพาะกิจร่วมตะวันตกได้นำพาความพยายามของสหรัฐฯ ไปสู่การปราบปรามการนำเข้าสารเคมีตั้งต้นที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดผิดกฎหมายทางทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาเสพติดที่มีต้นกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ขนส่งมาพร้อมกับสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายจากภูมิภาคอินโดแปซิฟิกไปยังอเมริกาเหนือ น.ท. กรีนวูดอธิบายว่า กลวิธีของกองกำลังเฉพาะกิจนี้แตกต่างจากกลวิธีที่เกี่ยวข้องกับการหยุดยั้งผู้ค้ายาเสพติดในอเมริกากลางหรืออเมริกาใต้อย่างเห็นได้ชัด

“ซึ่งทำให้ลักษณะการทำงานของพวกเขาที่เกี่ยวกับภารกิจทางการทหารหรือสินทรัพย์ที่บังคับใช้ตามกฎหมายตามเวลาจริงเพื่อขัดขวางเรือในทะเลลดน้อยลง และทำงานเกี่ยวกับการสร้างเครือข่ายการแบ่งปันข้อมูลกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานทางการทหารในสหรัฐฯ และทั่วภูมิภาคมากขึ้น” น.ท. กรีนวูดระบุ

“การแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองที่นำไปดำเนินการได้นี้ช่วยให้เจ้าหน้าที่ท่าเรือ เจ้าหน้าที่ศุลกากร และผู้บังคับใช้กฎหมายทั่วทั้งมหาสมุทรแปซิฟิกสามารถแยกแยะยาเสพติดและสารตั้งต้นยาเสพติดที่ผิดกฎหมายออกจากสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายได้” ข้อมูลดังกล่าวสามารถใช้ในการติดตามการขนส่งปลาที่ผิดกฎหมายและการเคลื่อนย้ายเรือที่มีส่วนร่วมในการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม

น.ท. กรีนวูดระบุว่า “ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ของกองกำลังเฉพาะกิจร่วมตะวันตกในการทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย การรวบรวมข่าวกรองเกี่ยวกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมายที่มีการใช้งานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายเช่นกัน และการดำเนินการในพื้นที่มหาสมุทรอันแสนกว้างใหญ่ทำให้กองกำลังดังกล่าวมีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม”

นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังสามารถสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ระหว่างกองกำลังเฉพาะกิจร่วมตะวันตกกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เพื่อเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับขอบเขตทางทะเลให้กับพันธมิตรและหุ้นส่วนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ผู้เสนอกล่าว

“มีการเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมกับการค้ามนุษย์ การลักลอบค้ายาเสพติด ตลอดจนอาชญากรรมทางทะเลอื่น ๆ อีกมากมาย” ตามคำกล่าวของ น.ท. เบน โครว์เวลล์ ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาชายฝั่งสหรัฐฯ ร่วมกับกองกำลังเฉพาะกิจร่วมตะวันตก และนายเวด เทอร์โวลด์ กัปตันกองทัพเรือสหรัฐฯ ผู้เกษียณอายุ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ที่ศูนย์เอเชียแปซิฟิก แดเนียล เค. อิโนะอุเอะ เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคง ยืนยันกับบทความของ ฟอรัม ใน พ.ศ. 2564 “เนื่องจากลักษณะปัญหาเชิงกลยุทธ์ที่เป็นเครือข่ายระดับโลก การจัดการกับภัยคุกคามจากการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมจึงจำเป็นต้องมีการประสานงานระหว่างประเทศ”

ภาพจาก: จ.อ. โจนาธาน อาร์. ซิลลี/กองกำลังรักษาชายฝั่งสหรัฐฯ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button