พรรคคอมมิวนิสต์จีนกระตุ้นโฆษณาชวนเชื่อขณะที่สหประชาชาติเตรียมสืบสวนด้านสิทธิมนุษยชนในซินเจียง

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
ด้วยการมาเยือนของหัวหน้าด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติที่ล่าช้ามานาน พรรคคอมมิวนิสต์จีนหวังว่ากลวิธีในการชะลอเวลา การโฆษณาชวนเชื่อ และการแสดงท่าทีครอบครองจะปิดบังการละเมิดสิทธิของอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยชาวเติร์กในวงกว้าง ตามรายงานของนักรณรงค์สิทธิและสื่อ
นางมิเชล บาเชเล็ต ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ ประกาศในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 ว่า เธอวางแผนที่จะเดินทางไปเยือนภูมิภาคซินเจียงทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีนเพื่อตรวจสอบ “รายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง” ตามรายงานของนิตยสารนิวส์วีก อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จีนได้ปฏิเสธที่จะให้สิทธิ์การเข้าถึง โดยอ้างว่าการเยือนครั้งนี้จะทำไปเพื่อการชักใยทางการเมืองและเพื่อกดดันสาธารณรัฐประชาชนจีน
หลักฐานเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อประชากรชนกลุ่มน้อยในภูมิภาคที่อุดมไปด้วยทรัพยากรมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยที่กลุ่มระบอบประชาธิปไตยและกลุ่มอิสระหลายกลุ่มทั่วโลกกล่าวหาว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนกระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และประเทศต่าง ๆ รวมถึงสหรัฐอเมริกาที่ใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่จีน พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของสหรัฐฯ รายงานในช่วงปลาย พ.ศ. 2564 ว่าอาจมีผู้คนกว่า 3 ล้านคนถูกคุมขังอยู่ภายในค่ายกักกันของภูมิภาคนี้ โดยบางส่วนถูกบังคับให้ทำหมัน ล่วงละเมิดทางเพศ ใช้แรงงานทาส และทรมาน องค์การแรงงานระหว่างประเทศแห่งองค์การสหประชาชาติในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ระบุถึงสัญญาณของ “มาตรการบีบบังคับ” ในสภาพการทำงานของชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอื่น ๆ ในซินเจียง
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 องค์การสหประชาชาติประกาศว่าในที่สุดก็ได้รับการยืนยันให้สามารถไปเยือนได้ และคณะเดินทางล่วงหน้าไปยังกวางโจวทางตอนใต้ของจีนในเดือนถัดมาเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการมาเยือนของนางบาเชเล็ตที่คาดว่าจะมาถึงในเดือนพฤษภาคม ตามรายงานของนิตยสารนิวส์วีก เจ้าหน้าที่สืบสวนต้องมีการกักตัวก่อน เนื่องจากจีนพยายามที่จะสกัดกั้นเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19 ที่ร้ายแรง ซึ่งนำไปสู่การปิดเมืองอย่างเข้มงวดสำหรับผู้อยู่อาศัยหลายสิบล้านคนในเมืองต่าง ๆ รวมทั้งเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง (ภาพ: นางมิเชล บาเชเล็ต หัวหน้าฝ่ายสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ กล่าวถึงการประชุมพิเศษของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ในกรุงเจนีวา เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565)
การโฆษณาชวนเชื่อด้วยเครื่องจักรของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้ามามีบทบาทอย่างรวดเร็วในการสรรสร้างโครงเรื่องเกี่ยวกับการมาเยือนจีนครั้งแรกของหัวหน้าฝ่ายสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาตินับตั้งแต่ พ.ศ. 2548 ในเมืองคัชการ์ของซินเจียง ทางการได้ห้ามไม่ให้ชายชาวอุยกูร์ไปละหมาดที่มัสยิดเพื่อทำการฉลองวันสิ้นสุดเราะมะฎอนในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม และจ่ายเงินให้พวกเขาไปเต้นรำในพื้นที่สาธารณะแทน ตามรายงานของเรดิโอฟรีเอเชีย สื่อที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลได้บันทึกภาพในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวจีนเยี่ยมชม รวมถึงถ่ายภาพและวิดีโอ เพื่ออัปโหลดลงในโซเชียลมีเดีย
การปิดบังข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นสิ่งที่คุ้นเคยสำหรับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งอ้างว่าศูนย์กักกันขนาดใหญ่ของซินเจียงนั้นเป็นศูนย์ฝึกอาชีพและเพื่อยับยั้งลัทธิหัวรุนแรง การแสดงความอดทนและความปรองดองในเมืองคัชการ์เกิดขึ้นในขณะที่ทางการกำลังรื้อถอนหนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองแห่งโอเอซิส ซึ่งได้แก่ แกรนด์บาซาร์ ที่มีร้านค้ากว่า 4,000 ร้านที่ขายทั้งพรม เสื้อผ้า ผลไม้แห้ง เครื่องดนตรี ผ้าไหม เครื่องเทศ และชา ตามรายงานของเรดิโอฟรีเอเชีย เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ตลาดการค้าระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของซินเจียงกำลังถูกทำลายเพื่อสร้างเป็นพื้นที่สำหรับแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสิ่งที่นักเคลื่อนไหวโต้แย้ง เป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเพื่อบ่อนทำลายวัฒนธรรมของชาวอุยกูร์ มีการควบคุมตัวพ่อค้าแม่ค้าที่ร้องเรียนเกี่ยวกับการถูกขับไล่ออกจากตลาดบาซาร์และทำการสอบปากคำ ตามรายงานของเรดิโอฟรีเอเชีย
นักรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนเตือนเจ้าหน้าที่สืบสวนขององค์การสหประชาชาติว่าอย่าหลงเชื่อการชักใยของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
“หากการเยือนเมืองซินเจียง ประเทศจีน เป็นการไปเพื่อดำเนินการในสิ่งใดก็ตาม ข้อกังวลนั้นจะต้องได้รับการดำเนินการอย่างจริงจังและแก้ไขอย่างเร่งด่วน” ดร. อีเวอลินา ยู. โอแชบ ผู้ร่วมก่อตั้งแนวร่วมเพื่อการตอบโต้การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ได้เขียนในบทความของนิตยสารฟอร์บส์ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 “หลักฐานของการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงในซินเจียงไม่สามารถละเลยได้ เนื่องด้วยสิ่งที่ถูกออกแบบมาอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อเป็นการเดินสายสำหรับทำการโฆษณาชวนเชื่อจะแสดงให้องค์การสหประชาชาติเห็นในสิ่งที่ระบอบการปกครองของจีนต้องการให้เห็นเท่านั้น”
นอกจากนี้ กลุ่มนักเคลื่อนไหวจำนวนมากยังกระตุ้นให้นางบาเชเล็ตเปิดเผยข้อค้นพบของเธอในทันที “เพื่อส่งข้อความไปยังเหยื่อและผู้กระทำผิดว่า ไม่มีรัฐหรืออำนาจใดที่อยู่เหนือกฎหมายระหว่างประเทศ” ตามที่ระบุในจดหมายเปิดผนึก เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565
นายเคน รอธ ผู้อำนวยการบริหารของฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวกับคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในเดือนเดียวกันว่า “องค์กรต่าง ๆ ของเราหลายแห่งได้บันทึกว่ามีการกักกัน การทรมาน และการข่มเหงหมู่อย่างเป็นระบบของทางการจีน ซึ่งมุ่งเป้าไปที่ชาวอุยกูร์และชนชาวเติร์กอื่น ๆ ในซินเจียง”
“ขนาดและลักษณะของการละเมิดเหล่านี้ถือเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ” นายรอธกล่าว ตามรายงานของรอยเตอร์ “สิ่งเหล่านี้คืออาชญากรรมต่อเนื่องที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือโดยทันที”
ภาพจาก: รอยเตอร์