ญี่ปุ่นเร่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านกลาโหมท่ามกลางภัยคุกคามต่อเสถียรภาพ
ฟีลิกซ์ คิม
ญี่ปุ่นกำลังเพิ่มขีดความสามารถด้านกลาโหมเมื่อเผชิญกับการยั่วยุทางทหารอย่างต่อเนื่องโดยเกาหลีเหนือ สาธารณรัฐประชาชนจีน และรัสเซีย โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและข้อบ่งชี้ถึงจุดยืนด้านกลาโหมที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งอาจรวมถึงขีดความสามารถในการโจมตีฐานทัพของศัตรู ตามรายงานของเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญ
การปรับเปลี่ยนดังกล่าวอาจช่วยยับยั้งภัยคุกคามต่อญี่ปุ่นและเสถียรภาพในภูมิภาคได้
กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นได้จัดการประชุม “การเร่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านกลาโหม” นายโนบุโอะ คิชิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2564 นายโนบุโอะกล่าวเสริมว่าการประเมินใหม่ดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็นเนื่องจาก “สภาพแวดล้อมความมั่นคงที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ”
ในช่วงกลาง พ.ศ. 2564 เรือของจีนได้บุกรุกเข้าไปในน่านน้ำอาณาเขตของญี่ปุ่นในบริเวณรอบ ๆ หมู่เกาะเซ็งกะกุโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะเจแปนไทมส์ ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 กองเรือรบของจีนและรัสเซียจำนวน 5 ลำได้แล่นรอบญี่ปุ่น ขณะที่กองเรือดังกล่าวเดินทางข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปยังทะเลจีนตะวันออก ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส นอกจากนี้ อากาศยานจากทั้งสองประเทศยังได้บินเคียงคู่กันเข้าสู่น่านฟ้าของญี่ปุ่นในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ซึ่งทำให้เครื่องบินขับไล่ของญี่ปุ่นต้องขึ้นบินเพื่อตอบโต้
ในขณะเดียวกัน เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธต้องสงสัย 2 ลูกลงสู่ทะเลญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2564 เพียงไม่กี่วันหลังจากการทดสอบอาวุธชนิดใหม่ที่สามารถส่งหัวรบนิวเคลียร์ไปยังเป้าหมายทั่วทั้งญี่ปุ่นได้ ตามรายงานของเดอะเจแปนไทมส์
ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นประกาศเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมมูลค่า 6.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.3 แสนล้านบาท) รวมเป็นทั้งสิ้น 46.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท) สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ตามรายงานของสำนักข่าวกลาโหมเจนส์ งบประมาณเพิ่มเติมดังกล่าวนี้รวมถึงการระดมทุนสำหรับเครื่องบินสกัดกั้นขีปนาวุธที่มีการปรับปรุงส่วนระบบแพทริออตรุ่นใหม่, เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล คาวาซากิ พี-1 สามลำ (ภาพ), เครื่องบินขนส่ง คาวาซากิ ซี-2, ขีปนาวุธทางอากาศ มิตซูบิชิ เอเอเอ็ม-4/5บี, ระเบิดตอร์ปิโด มิตซูบิชิ ประเภท 12 และประเภท 18, และเฮลิคอปเตอร์อเนกประสงค์ ซูบารุ ยูเอช-2 จำนวน 13 ลำ
“การป้องปรามจะสำเร็จได้ด้วยการปกป้องอย่างแน่นหนา” นายคิชิกล่าว “ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ”
รัฐบาลจีนและรัฐบาลเกาหลีเหนือจะถูกบังคับให้พิจารณาการก่อตั้งกองกำลังป้องกันของรัฐบาลญี่ปุ่น ขณะที่ทั้งสองประเทศพิจารณาเกี่ยวกับการสำแดงแสนยานุภาพเพิ่มเติม ดร. บรูซ เบนเน็ต นักวิจัยนานาชาติ/กลาโหมอาวุโสของบริษัทแรนด์คอร์ปอเรชัน กล่าวกับ ฟอรัม
“จีนต้องการครอบครองหลายส่วนของโลกโดยไม่จำเป็นต้องไปพิชิตดินแดนเหล่านั้น แต่เพียงการที่สามารถใช้อิทธิพลครอบงำเท่านั้น” ดร. เบนเน็ตกล่าว “และหากญี่ปุ่นมีกำลังทางทหารที่เข้มแข็งเพียงพอที่จะต่อต้านอิทธิพลดังกล่าว นั่นก็เป็นปัญหาสำหรับจีน”
ดร. เบนเน็ตกล่าวเสริมว่าขีดความสามารถของญี่ปุ่นในการตอบสนองต่อการโจมตีด้วยขีปนาวุธอาจยับยั้งเกาหลีเหนือได้ “หากเกาหลีเหนือมีความเฉลียวฉลาด ขีดความสามารถใหม่ของญี่ปุ่นก็น่าจะทำให้เกาหลีเหนือยับยั้งการยิงขีปนาวุธตั้งแต่แรก”
ฟีลิกซ์ คิม เป็นผู้สื่อข่าวสมทบของ ฟอรัม รายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
ภาพจาก: รอยเตอร์