ความขัดแย้ง/ความตึงเครียดติดอันดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ความร่วมมือทางกลาโหมระหว่างกัมพูชาและเวียดนามถือเป็นแนวทางในการยับยั้งอิทธิพลและการขยายกำลังทหารของจีน

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

กัมพูชาและเวียดนามได้ให้คำมั่นอีกครั้งที่จะให้ความร่วมมือด้านความมั่นคงและกลาโหม ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นการตอบสนองต่อบทบาทและอิทธิพลทางทหารที่เพิ่มขึ้นของสาธารณรัฐประชาชนจีน

นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และนายเหงียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีเวียดนาม ได้ลงนามในข้อตกลงดังกล่าวเมื่อปลายเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 โดยปฏิญาณว่าจะห้ามมิให้กองกำลังศัตรูใช้ดินแดนของตนเพื่อทำอันตรายแก่อีกฝ่าย ตามรายงานของวอยซ์ออฟอเมริกา ความร่วมมือดังกล่าวเป็นความพยายามของเวียดนามที่จะต่อต้านการขยายตัวทางภูมิภาคของจีน นักวิเคราะห์ด้านกลาโหมจากเวียดนามและสหรัฐอเมริกากล่าวหากัมพูชาและจีนว่าไม่โปร่งใสเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของจีนในกิจกรรมการก่อสร้างที่ฐานทัพเรือเรียม ซึ่งหันหน้าไปทางอ่าวไทยทางตอนใต้ของกัมพูชา (ภาพ: ทหารเรือยืนประจำการอยู่ใกล้กับเรือลาดตระเวนที่ฐานทัพเรือเรียม ประเทศกัมพูชา)

“รัฐบาลกัมพูชายังไม่มีความโปร่งใสอย่างเต็มที่เกี่ยวกับเจตนารมณ์ ลักษณะ และขอบเขตของโครงการนี้ ตลอดจนบทบาทของกองทัพจีน ซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ในการใช้สถานที่ของกองทัพเรือ” นายแชด โรเดอไมเออร์ โฆษกสถานเอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ประจำกัมพูชา กล่าวกับสำนักข่าววอยซ์ออฟอเมริกา เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 โดยเสริมว่าการปรากฏตัวของกองทัพต่างชาติที่ฐานทัพเรือเรียมจะขัดต่อรัฐธรรมนูญของกัมพูชาและบ่อนทำลายความมั่นคงในภูมิภาค “ประชาชนกัมพูชาควรได้รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการที่ฐานทัพเรือเรียมและควรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับข้อตกลงทางทหารประเภทนี้ที่ส่งผลกระทบระยะยาวต่อประเทศของตน”

ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลกัมพูชาสองคนที่ถูกกล่าวหาว่าวางแผนเพื่อหาผลประโยชน์จากการก่อสร้างที่ฐานทัพเรือเรียม นายแอนเดรีย เอ็ม. แกคกี ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ กล่าวว่า “สหรัฐอเมริกาจะไม่นิ่งนอนใจในขณะที่เจ้าหน้าที่ที่ทุจริตได้รับผลประโยชน์ส่วนบุคคลจากการใช้จ่ายของประชาชนชาวกัมพูชา” ตามรายงานของข่าวประชาสัมพันธ์

ความกังวลเกี่ยวกับการมีบทบาททางทหารของจีนในกัมพูชาทำให้เวียดนามจัดตั้งหน่วยทหารพลเรือนทางทะเลเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 หน่วยทหารดังกล่าวจะประสานงานกับกองกำลังที่มีอยู่เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางทหารและเพื่อ “ปกป้องอธิปไตยเหนือทะเลและหมู่เกาะ” ตามรายงานของวอยซ์ออฟอเมริกา

เวียดนามและจีนมีการอ้างสิทธิ์ทางอธิปไตยที่ทับซ้อนกันในทะเลจีนใต้

“ท่าเรือริมทะเลและสนามบินนานาชาติที่ได้รับทุนสนับสนุนจากจีนในสีหนุวิลล์และเกาะกง ประเทศกัมพูชา ได้สร้างความตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัดให้แก่นักยุทธศาสตร์นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลเวียดนามเกี่ยวกับการใช้โครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพนี้ทางทหารของรัฐบาลจีนในอนาคต อันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางอาวุธระหว่างจีนและเวียดนามในทะเลจีนใต้” นายโคซัล พาธ นักรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยนครนิวยอร์ก กล่าวกับวอยซ์ออฟอเมริกา

ภายในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 มีอาคารใหม่เพิ่มขึ้นสามหลังและมีการเปิดใช้งานถนนสายใหม่ ตลอดจนมีการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ที่ฐานทัพเรือเรียม ตามรายงานของโครงการเพื่อความโปร่งใสทางทะเลแห่งเอเชียของศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และกิจการระหว่างประเทศ นายแท บันห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ยืนยันว่าจีนกำลังก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ฐานทัพเรือดังกล่าว แต่กล่าวว่าความช่วยเหลือของจีนนั้น “ไม่มีสัญญาผูกมัดใด ๆ” ตามรายงานของโครงการเพื่อความโปร่งใสทางทะเลแห่งเอเชีย “นับแต่นั้นเป็นต้นมา การก่อสร้างที่ได้รับการสนับสนุนจากจีนได้เปลี่ยนแปลงพื้นที่กว่าครึ่งทางตอนเหนือของฐานทัพเรือเรียมอย่างต่อเนื่อง” ตามรายงานของโครงการเพื่อความโปร่งใสทางทะเลแห่งเอเชีย

ข้อตกลงเดือนธันวาคมดูเหมือนว่าจะมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้จีนใช้บทบาทของตนในกัมพูชาเพื่อโจมตีเวียดนาม

แถลงการณ์ร่วมระบุว่า “ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะเสริมสร้างความร่วมมือทางกลาโหมและความมั่นคงบนหลักการในการไม่ยอมให้กองกำลังศัตรูใด ๆ ใช้ดินแดนของตนเพื่อทำลายความมั่นคงของประเทศ”

ผู้นำกัมพูชาและเวียดนามเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเคารพเอกราช อธิปไตย และบูรณภาพในดินแดน ผู้นำทั้งสองได้เน้นย้ำถึงจุดยืนของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการรักษาสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพ ความปลอดภัย และเสรีภาพในการเดินเรือและการบินเหนือน่านน้ำทะเลตะวันออก ซึ่งรู้จักกันในเวียดนามในชื่อทะเลจีนใต้ ตลอดจนตกลงที่จะ “ส่งเสริมการเจรจาและสร้างความไว้วางใจ มีความยับยั้งชั่งใจ ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ ระงับข้อพิพาทด้วยสันติวิธีตามกฎหมายระหว่างประเทศ”

 

ภาพจาก: รอยเตอร์

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button