นายไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าร่วมกับผู้นำอาเซียนเพื่อประณามการยึดอำนาจการปกครองของประธานาธิบดีเมียนมาที่ถูกกีดกันออกจากการประชุมสุดยอด
รอยเตอร์
นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้เข้าร่วมกับผู้นำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อตอบโต้รัฐบาลเมียนมาเมื่อปลายเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 ขณะที่การประชุมสุดยอดระดับภูมิภาคเปิดฉากขึ้นโดยไม่มีตัวแทนจากประเทศดังกล่าว หลังจากที่สหรัฐฯ ทำการกีดกันนายพลระดับสูงที่เพิกเฉยต่อข้อเสนอสันติภาพ
สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน กล่าวว่าจะยอมรับบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องทางการเมืองจากเมียนมาในการประชุมเสมือนจริง แต่รัฐบาลผู้ยึดอำนาจการปกครองปฏิเสธ โดยกล่าวว่าจะยินยอมให้เฉพาะผู้นำหรือรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมเท่านั้น
ในการปฏิเสธผู้นำของรัฐสมาชิกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อาเซียนงดให้ พล.อ. อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ซึ่งเป็นผู้นำการก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ที่ก่อให้เกิดความรุนแรงและความวุ่นวายทั่วประเทศ เนื่องจากความล้มเหลวในการยุติความเป็นปรปักษ์ การไม่ยอมให้มีการเข้าถึงด้านมนุษยธรรม และไม่ให้มีการเริ่มเจรจา ตามที่ตกลงไว้กับอาเซียน
การตัดสินใจดังกล่าวเป็นการดูหมิ่นกองทัพเมียนมาอย่างมาก และเป็นก้าวย่างที่กล้าหาญและหาได้ยากของกลุ่มภูมิภาคที่เป็นที่รู้จักในเรื่องหลักปฏิบัติแห่งฉันทามติ การไม่แทรกแซง และการมีส่วนร่วม
“ปัจจุบัน อาเซียนไม่ได้ขับไล่เมียนมาออกจากกรอบความร่วมมือของอาเซียน แต่เมียนมาได้ละทิ้งสิทธิของตน” สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ผู้ซึ่งจะเป็นประธานกลุ่มใน พ.ศ. 2565 กล่าว “ปัจจุบัน เราอยู่ในสถานการณ์ของอาเซียนลบหนึ่ง ไม่ใช่เพราะอาเซียน แต่เป็นเพราะเมียนมา”
ทำเนียบขาวกล่าวว่า ณ การประชุมสุดยอดเสมือนจริง นายไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดง “ความกังวลอย่างยิ่ง” ต่อความรุนแรงในเมียนมา และเรียกร้องให้กองทัพปล่อยตัวประชาชนที่ถูกกักขังอย่างไม่เป็นธรรม (ภาพ: นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมการประชุมสุดยอดระหว่างสหรัฐฯ กับอาเซียนเสมือนจริงในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564)
นางเร็ตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย กล่าวว่า อาเซียนมีตำแหน่งว่างพร้อมสำหรับเมียนมา แต่เมียนมาเลือกที่จะไม่เข้าร่วม นายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เสียใจกับ “ทัศนคติที่ไม่เป็นที่พึงปรารถนา” ของเมียนมาต่อความพยายามทางการทูตของอาเซียน นางเร็ตโนกล่าว
“การตัดสินใจของอาเซียนในการเชิญผู้แทนเมียนมาที่มีระดับซึ่งไม่เกี่ยวข้องทางการเมืองเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก แต่จำเป็นต้องดำเนินการต่อไป” นางเร็ตโนกล่าว
“การเคารพหลักการของการไม่แทรกแซงคือสิ่งสำคัญสำหรับเรา แต่ในอีกด้านหนึ่ง เรามีหน้าที่ยึดถือหลักการอื่น ๆ … เช่น ประชาธิปไตย การปกครองที่ดี การเคารพสิทธิมนุษยชน และรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ” นางเร็ตโนกล่าว โดยอ้างอิงคำพูดของนายวิโดโด
ผู้นำของภูมิภาคเรียกร้องให้มี “การไกล่เกลี่ยสถานการณ์ในเมียนมาเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของอาเซียน” สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ ประธานอาเซียนแห่งบรูไน กล่าวในแถลงการณ์
บรูไนพร้อมผู้สนับสนุนส่วนใหญ่ได้ตัดสินใจที่จะตัดผู้นำคณะทหารผู้ยึดอำนาจการปกครองออกไป
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย นายพลผู้เกษียณอายุราชการแล้ว ซึ่งถือเป็นผู้นำอาเซียนที่ใกล้ชิดกับผู้นำรัฐบาลทหารของเมียนมามากที่สุด เรียกร้องให้เมียนมาดำเนินการตามแนวทางห้าแง่มุมที่ตกลงกับอาเซียน พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า ปัญหานี้มีความสำคัญต่อชื่อเสียงและเป็นการทดสอบการแก้ไขปัญหาของสหภาพ
“บทบาทเชิงสร้างสรรค์ของอาเซียนในการแก้ไขสถานการณ์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง และการดำเนินการของเราในเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของอาเซียนในสายตาของประชาคมระหว่างประเทศ” พล.อ. ประยุทธ์ผู้ เข้ามามีอำนาจจากการรัฐประหารเมื่อ พ.ศ. 2557 ก่อนที่พรรคของตนจะชนะการเลือกตั้งในอีกห้าปีต่อมา กล่าว
อาเซียนตัดสินใจในวันถัดจากนายเอรีวัน ยูซอฟ อุปทูตพิเศษ กล่าวว่าผู้ยึดอำนาจการปกครองปฏิเสธการเข้าถึงของเขาอย่างเพียงพอ รวมถึงนางอองซาน ซูจี ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งวัย 76 ปี ซึ่งถูกกักตัวไว้เนื่องด้วยข้อหาหลายประการนับตั้งแต่การรัฐประหาร
กองกำลังรักษาความปลอดภัยของเมียนมาได้สังหารประชาชนมากกว่า 1,000 คน และกักขังอีกหลายพันคนซึ่งถูกทรมานและทุบตี ตามรายงานของคณะทูตแห่งสหประชาชาติ
นายไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เข้าร่วมการประชุมร่วมของอาเซียน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบสี่ปีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้มีส่วนร่วมในระดับสูงสุดกับประชาคมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้รับการมองว่าเป็นกุญแจสำคัญในการต่อต้านสาธารณรัฐประชาชนจีนที่มีความตึงเครียดมากขึ้น
นายไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า “ความร่วมมือของเรามีความสำคัญต่อการรักษาอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง ซึ่งเป็นรากฐานของความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ”
ภาพจาก: ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส