กองทัพสาธารณรัฐเกาหลียกระดับยุทโธปกรณ์ด้านกลาโหมด้วยขีปนาวุธและเรือดำน้ำที่ผลิตภายในประเทศ
ฟีลิกซ์ คิม
เจ้าหน้าที่รัฐกล่าวว่า ยุทโธปกรณ์ด้านกลาโหมใหม่ ๆ ที่พัฒนาโดยกองทัพสาธารณรัฐเกาหลี ได้แก่ ขีปนาวุธ เรือดำน้ำยิงขีปนาวุธ และเรือรบต่อต้านสงครามเรือดำน้ำ มีความพร้อมที่จะยับยั้งภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ ยุทโธปกรณ์ดังกล่าวจะช่วยยกระดับแสนยานุภาพของกองทัพสาธารณรัฐเกาหลี ด้วยขีดความสามารถของขีปนาวุธทิ้งตัวติดเรือดำน้ำ ซึ่งมีการสาธิตเป็นครั้งแรกเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้เกาหลีใต้เป็นประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์แห่งแรกที่ครอบครองเทคโนโลยีดังกล่าว
เมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่รัฐบาลเกาหลีเหนือปล่อยขีปนาวุธทิ้งตัวสองลูกลงสู่ทะเลญี่ปุ่น เกาหลีใต้ได้ปล่อยขีปนาวุธทิ้งตัวฮยอนมู 4-4 จากเรือดำน้ำสาธารณรัฐเกาหลี โดซาน อันชางโฮ ลำใหม่ขนาด 2,700 ตัน (ภาพ) ขณะที่เรืออยู่ใต้น้ำ ตามรายงานของยอนฮัป สำนักข่าวในเครือรัฐบาลเกาหลีใต้ แม้จะมีพายุไต้ฝุ่นจันทูเคลื่อนเข้ามาใกล้ แต่ขีปนาวุธดังกล่าวสามารถพุ่งเข้าสู่เป้าหมายได้สำเร็จ
เรือดำน้ำและขีปนาวุธดังกล่าวได้รับการพัฒนาและผลิตขึ้นในเกาหลีใต้
นอกจากนี้ ตามข่าวประชาสัมพันธ์ของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุว่า เมื่อวันที่ 15 กันยายน รัฐวิสาหกิจเพื่อการพัฒนาด้านกลาโหมของเกาหลีใต้ยังได้ทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลจากอากาศสู่พื้นอีกด้วย ขีปนาวุธดังกล่าว “แยกตัวจากอากาศยาน กางปีก และบินไปยังเป้าหมายอย่างแม่นยำเพื่อพุ่งชนเป้าหมาย”
รายงานของกระทรวงกลาโหมระบุว่า ขีปนาวุธจากอากาศสู่พื้นใหม่นี้จะติดตั้งบนเครื่องบินขับไล่เคเอฟ-21 บอรามี ซึ่งกำลังพัฒนาร่วมกับสหรัฐอเมริกาในเกาหลีใต้ และมีกำหนดการทดสอบการบินใน พ.ศ. 2565 นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจเพื่อการพัฒนาด้านกลาโหมของเกาหลีใต้ยังได้พัฒนาขีปนาวุธทิ้งตัวกำลังสูงที่มีหัวรบหนักขึ้น รวมถึงขีปนาวุธร่อนความเร็วเหนือเสียง เพื่อปรับปรุงขีดความสามารถของเกาหลีใต้ในการจำกัดการเข้าถึงทางทะเลของศัตรู ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาด้านกลาโหม 5 ปีที่มีมูลค่า 271 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 9.2 ล้านล้านบาท)
“การเพิ่มกำลังขีปนาวุธของเราสามารถป้องปรามการยั่วยุของเกาหลีเหนือได้อย่างแน่นอน” นายมุน แจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้กล่าว หลังจากชมการปล่อยขีปนาวุธทิ้งตัวที่ปล่อยจากเรือดำน้ำ
ยอนฮัปรายงานเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 ว่าจะมีเรือดำน้ำขนาด 3,260 ตัน จำนวน 3 ลำ ที่สามารถปล่อยขีปนาวุธทิ้งตัวได้ เข้าร่วมกับเรือสาธารณรัฐเกาหลี โดซาน อันชางโฮ เรือดำน้ำลำแรกได้เริ่มดำเนินการสร้างในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564 และหลังจากนั้นไม่นานก็ได้มีการลงนามในสัญญาสร้างเรือดำน้ำลำที่สองร่วมกับบริษัทแดวู ชิปบิลดิง แอนด์ มารีน เอ็นจีเนียริง ในเกาหลีใต้ เรือดังกล่าวจะมีท่อปล่อยขีปนาวุธทิ้งตัวแนวตั้ง 10 ท่อ ขณะที่เรือดำน้ำขนาด 2,700 ตันมีเพียง 6 ท่อเท่านั้น
เรือดำน้ำชั้นใหม่ลำแรกคาดว่าจะพร้อมใช้งานภายใน พ.ศ. 2572 เรือดำน้ำชั้นโดซาน อันชางโฮ อีกสองลำ มีกำหนดการเปิดตัวภายใน พ.ศ. 2566
เรือดำน้ำลำใหม่จะมีบทบาทสำคัญในการต่อต้านภัยคุกคามด้านความมั่นคง พล.ร.ต. จอน ยอง-คยู ผู้นำโครงการเรือดำน้ำกล่าวกับยอนฮัป
เกาหลีเหนือมีเรือดำน้ำขนาด 3,000 ตันที่รองรับขีปนาวุธทิ้งตัวติดเรือดำน้ำพร้อมท่อปล่อย 3 ท่อ ซึ่งเปิดตัวใน พ.ศ. 2562 ตามรายงานของยอนฮัป เพื่อต่อต้านภัยคุกคามดังกล่าว กองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลีได้เปิดตัวเรือฟริเกต เอฟเอฟเอ็กซ์ 2 ลำที่หก ซึ่งเป็นเรือขนาด 2,500 ตันที่มีขีดความสามารถในการต่อต้านเรือดำน้ำที่ได้รับการปรับปรุง เพื่อทดแทนเรือรบขนาด 1,360 ตันและเรือลาดตระเวนขนาด 900 ตันที่ใช้มานาน
ด้วยจำนวนลูกเรือ 120 คน เรือฟริเกตขนาด 122 เมตรลำใหม่นี้จะติดตั้งอาวุธต่าง ๆ ได้แก่ ขีปนาวุธจากเรือสู่เรือและจากเรือสู่พื้น ตลอดจนเฮลิคอปเตอร์ อุปกรณ์โซนาร์แบบลากจูงและตอร์ปิโดต่อต้านเรือดำน้ำระยะไกลช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการระบุและโจมตีเรือดำน้ำของศัตรู
ฟีลิกซ์ คิม เป็นผู้สื่อข่าวสมทบของ ฟอรัม รายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
ภาพจาก: กองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี