ติดอันดับ

การปรับโครงสร้างกองทัพสาธารณรัฐเกาหลีช่วยเพิ่มความคล่องตัวและพลังทำลายล้างในสนามรบ

ฟีลิกซ์ คิม

เกาหลีใต้ทำการปรับโครงสร้างกองกำลังติดอาวุธโดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มที่เรียกว่าแผนการปฏิรูปทางกลาโหม 2.0 เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางประชากรและการคุกคามด้วยการโจมตีจากเกาหลีเหนืออย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ กองทัพสาธารณรัฐเกาหลีจึงกำหนดตนเองใหม่ จากกองกำลังของกรมทหารเป็นหนึ่งในกองพลน้อยที่ได้รับการสนับสนุนจากขีดความสามารถขั้นสูง

กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุว่า กองกำลังที่ได้รับการสนับสนุนจะมีขนาดเล็กลงแต่มีความคล่องตัวและความอิสระมากขึ้น รวมทั้งมีประสิทธิภาพในสนามรบมากขึ้น ภายใต้แผนการปฏิรูปทางกลาโหม 2.0 กองพล 47 กองในกองทัพบกจะลดลงเหลือ 28 กอง นายชุน อินบอม พลโทแห่งกองทัพสาธารณรัฐเกาหลีที่เกษียณแล้วระบุว่า ในอดีต กองพลแต่ละกองแบ่งออกเป็นสี่กรมทหาร

“มีการกำหนดกรมทหารเหล่านี้ใหม่ให้เป็นกองพลน้อย” นายชุน กล่าวกับ ฟอรัม “ตอนนี้ สิ่งที่ควรมุ่งหมายคือกองพลน้อยเหล่านี้จะสามารถปฏิบัติการอิสระได้ เมื่อเปรียบเทียบกับกรมทหาร กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ กองพลน้อยแต่ละกองมีความสามารถในการเคลื่อนย้าย ดูแลตนเองได้ในระดับหนึ่ง รวมทั้งเก็บรวบรวมข้อมูล ประมวลผลข้อมูลนั้นด้วยตนเองทั้งหมด”

ก่อนหน้านี้ กรมทหารจะต้องได้รับอนุญาตความสามารถเพิ่มเติมในการปฏิบัติงาน นายชุนกล่าว

การปรับโครงสร้างครั้งนี้ ซึ่งประกาศเมื่อกลางเดือนเมษายน พ.ศ. 2564 สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงโดยรวมของกองทัพบก จากที่ศูนย์กลางอยู่ที่กองพลกลายเป็นศูนย์กลางอยู่ที่กองพลน้อย ตามรายงานข่าวของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ความคล่องตัวและความรวดเร็วของกองพลน้อยจะได้รับการปรับปรุงโดยใช้ยานพาหนะยุทธวิธีขนาดเล็ก กองพลน้อยจะใช้ระบบโมดูลาร์เพื่อปฏิบัติงานอย่างเป็นอิสระ พร้อมกับปรับการมอบหมายหน่วยสนับสนุนตามความจำเป็น

“ในอดีต กองพลแต่ละกองมีกรมทหารเป็นของตนเอง” นายชุนกล่าว “แต่ปัจจุบัน กรมทหารดังกล่าวมีกองพลน้อยอิสระที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน และนั่นคือระบบที่เรียกว่าโมดูลาร์ซึ่งคล้ายกับการต่อเลโก้ แต่ละส่วนมีความสำคัญในแบบเดียวกันซึ่งสามารถนำมารวมกันและดำเนินการในทุกรูปแบบได้”

เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น การปรับโครงสร้างนี้จะ “ทำให้กองทัพบกมีพลังทำลายล้างและความคล่องตัวมากขึ้น” ด้วยความต้องการด้านบุคลากรที่ลดลง นายชุนกล่าว

ในเบื้องต้น กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ได้ระบุถึงการปฏิรูปกองทัพบกใหม่พร้อมกับการเผยแพร่สมุดปกขาวด้านกลาโหม พ.ศ. 2561 ของตน เป้าหมายคือการสร้างกองกำลังที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็วและเด็ดขาดด้วยกำลังทหารที่น้อยลง และได้รับการสนับสนุนจากเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงโดรนหุ่นยนต์และชุดอุปกรณ์เทคโนโลยีสนามรบที่เรียกว่า “แพลตฟอร์มนักรบ”

นายชุนกล่าวว่า ภัยคุกคามหลักที่กองทัพสาธารณรัฐเกาหลีต้องเผชิญนั้นมาจากเกาหลีเหนือ (ภาพ: ทหารเกาหลีใต้เข้าใกล้ด่านตรวจที่อยู่ใกล้เขตปลอดทหารซึ่งแบ่งพรมแดนเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563)

ตามรายงานของศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และนานาชาติระบุว่า เกาหลีเหนือมีกองทัพประจำการอยู่เกือบ 1.3 ล้านนาย ซึ่งส่วนใหญ่ประจำการอยู่ตามเขตปลอดทหารที่แบ่งพรมแดนคาบสมุทรเกาหลี สำนักงานวิจัยแห่งรัฐสภาสหรัฐฯ ระบุว่า กองทัพและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเกาหลีเหนือมีการยั่วยุปลุกปั่นกว่า 500 ครั้งนับตั้งแต่มีการลงนามสงบศึกชั่วคราวในสงครามเกาหลีเมื่อ พ.ศ. 2496 เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงตั้งแต่ปฏิบัติการบลูเฮาส์ พ.ศ. 2511 เมื่อทหารเกาหลีเหนือ 31 นายลักลอบข้ามชายแดนเกาหลีใต้โดยพยายามลอบสังหารนายปาร์ก ชองฮี ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ แต่ล้มเหลว ไปจนถึงการยิงกองกำลังป้องกันของสาธารณรัฐเกาหลีโดยกองกำลังเกาหลีเหนือ เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 ที่ประจำอยู่ในเขตปลอดทหาร

ฟีลิกซ์ คิม เป็นผู้สื่อข่าวสมทบของ ฟอรัม รายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้

 

ภาพจาก: เอเอฟพี/เก็ตตี้อิมเมจ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button