ติดอันดับ

การวิเคราะห์เปิดเผยบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอมที่ผลักดันโฆษณาชวนเชื่อของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

พรรคคอมมิวนิสต์จีนเปิดแนวหน้าใหม่ในสงครามที่ตนมุ่งมาดปรารถนามายาวนาน เพื่อสร้างอิทธิพลต่อความคิดเห็นของสาธารณชนทั่วโลก สื่อสังคมออนไลน์ตะวันตก

นายหลิว เชียวหมิง ที่เพิ่งลงจากตำแหน่งเอกอัครราชทูตจีนประจำสหราชอาณาจักร เป็นทหารราบนายหนึ่งที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในสนามรบออนไลน์ที่กำลังพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ นี้ นายหลิวเริ่มใช้ทวิตเตอร์เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 ขณะที่คะแนนของนักการทูตจีนพุ่งขึ้นในทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก ซึ่งทั้งสองอย่างถูกสั่งห้ามในประเทศจีน

หลังจากนั้น นายหลิวได้ยกระดับโปรไฟล์สาธารณะของตนเอง ซึ่งได้รับการติดตามมากกว่า 119,000 บัญชี จากการพลิกบทเป็นต้นแบบของการทูต “นักรบหมาป่า” ที่ดุดันแบบใหม่ของจีน ซึ่งเป็นคำที่ยืมมาจากชื่อภาพยนตร์แอ็คชั่นจีนยอดเยี่ยม

กระแสเกี่ยวกับโพสต์ของเขามีการรีทวีตมากกว่า 43,000 ครั้ง ตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 อย่างไรก็ตาม ความนิยมส่วนใหญ่สนับสนุนนายหลิวและผู้ร่วมงานหลายคนที่ดูเหมือนพอใจกับทวิตเตอร์ ซึ่งความจริงนั้นเป็นการจัดฉาก

การสืบสวน 7 เดือนของดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส และสถาบันอินเทอร์เน็ตอ๊อกซฟอร์ด ณ มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดพบว่า ทวิตเตอร์ของจีนที่เพิ่มขึ้นขับเคลื่อนโดยกองทัพบัญชีปลอมที่รีทวีตนักการทูตจีนและสื่อของรัฐหลายหมื่นครั้ง การขยายความโฆษณาชวนเชื่ออย่างลับ ๆ ที่สามารถเข้าถึงผู้คนนับร้อยล้านคน โดยไม่เปิดเผยความจริงว่าเนื้อหาดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล

การรีทวีตข้อความของของนายหลิวตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 ถึงเดือนมกราคม พ.ศ. 2564 เกินกว่าครึ่งหนึ่งมาจากบัญชีที่ทวิตเตอร์ระงับการใช้งานเนื่องจากละเมิดกฎของแพลตฟอร์มซึ่งห้ามการชักใยทางการเมือง โดยรวมแล้ว มากกว่าร้อยละ 10 ของการรีทวีตนักการทูตจีน 189 คน ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวมาจากบัญชีที่ทวิตเตอร์สั่งระงับภายในวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2564

การระงับของทวิตเตอร์ไม่ได้หยุดกลไกการชักใยทางการเมืองฝ่ายจีน นอกจากนี้ กลุ่มบัญชีปลอมที่หลายบัญชีได้แอบอ้างว่าเป็นพลเมืองของสหราชอาณาจักรยังคงผลักดันเนื้อหาของรัฐบาลจีน โดยมีการรีทวีตและการตอบกลับเพิ่มขึ้นกว่า 16,000 ครั้ง ก่อนที่ทวิตเตอร์จะยกเลิกบัญชีเหล่านั้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นการยืนยันต่อการสอบสวนของดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส และสถาบันอินเทอร์เน็ตอ๊อกซ์ฟอร์ด

ความนิยมยกเมฆนี้สามารถยกยอสถานะคนส่งสารของจีน ที่สร้างความหวังลม ๆ แล้ง ๆ เกี่ยวกับการสนับสนุนในวงกว้าง นอกจากนี้ยังสามารถบิดเบือนอัลกอริทึมของแพลตฟอร์ม ซึ่งออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการเผยแพร่โพสต์ที่เป็นที่นิยม โดยอาจทำให้ผู้ใช้งานจริงเข้าถึงโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลจีนมากขึ้น ตามสภาพแล้วแม้ว่าบัญชีปลอมแต่ละบัญชีอาจดูไม่มีผลกระทบ แต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งเครือข่ายดังกล่าวสามารถบิดเบือนสภาพแวดล้อมของข้อมูล เจาะลึกการเข้าถึง และความถูกต้องของการส่งสารของจีน

ทวิตเตอร์และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้ระบุเครือข่ายฝ่ายจีนที่ไม่ได้รับอนุญาตก่อนหน้านี้แล้ว อย่างไรก็ตาม การสืบสวนของดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส และสถาบันอินเทอร์เน็ตอ๊อกซ์ฟอร์ดแสดงให้เห็นเป็นครั้งแรกว่า การขยายความที่ไม่ถูกต้องขนาดใหญ่ได้ผลักดันให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในบัญชีรัฐบาลอย่างเป็นทางการ และสื่อของรัฐเพิ่มหลักฐานว่ารัฐบาลจีนต้องการแนะแนวความคิดเห็นของประชาชนเป็นการลับหากจำเป็น โดยขยายไปนอกพรมแดนและนอกเหนือผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์หลัก เช่น ไต้หวัน ฮ่องกง และซินเจียง

การสอบสวนบ่งชี้ว่ามี 26,879 บัญชีที่ถูกบงการให้รีทวีตนักการทูตจีนหรือสื่อของรัฐเกือบ 200,000 ครั้งก่อนที่จะถูกระงับ

“เราจะดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีบัญชีที่ละเมิดนโยบายการจัดการแพลตฟอร์มของเราต่อไป รวมถึงบัญชีที่พัวพันกับเครือข่ายเหล่านี้” โฆษกทวิตเตอร์ระบุในแถลงการณ์ “หากเรามีหลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับปฏิบัติการข่าวสารในเครือของรัฐ เราจะให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎของเราเป็นอันดับแรกและลบบัญชีที่มีส่วนร่วมในพฤติกรรมนี้ออก”

มีนักการทูตจีนอย่างน้อย 270 คนใน 126 ประเทศใช้งานทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กอยู่ โดยร่วมมือกับสื่อของรัฐบาลจีนที่ควบคุมบัญชี 449 บัญชีในแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ทั้งสอง ซึ่งลงโพสต์เกือบ 950,000 ครั้งระหว่างเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 และเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ข้อความเหล่านี้มีผู้กดถูกใจกว่า 350 ล้านครั้ง รวมทั้งมีการตอบกลับและแชร์มากกว่า 27 ล้านครั้ง ตามการวิเคราะห์ของสถาบันอินเทอร์เน็ตอ๊อกซ์ฟอร์ดและดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส สามในสี่ของนักการทูตจีนที่ใช้งานทวิตเตอร์ได้เข้าร่วมในช่วงสองปีที่ผ่านมา

การเคลื่อนไหวในสื่อสังคมออนไลน์ตะวันตกกล่าวถึงประเด็นจีนทำสงครามเพื่อสร้างอิทธิพลทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งนายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน (ภาพ) เรียกว่า “สนามรบหลัก” สำหรับความคิดเห็นของสาธารณชน

เพื่อให้ผู้ใช้มีบริบทมากขึ้น พ.ศ. 2564 ทวิตเตอร์เริ่มติดป้ายกำกับบัญชีที่เป็นของ “ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่” และสื่อในเครือของรัฐ แต่ทวิตเตอร์ได้ติดป้ายกำกับบัญชีทางการทูตของจีนเพียงร้อยละ 14 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2564 โดยไม่ได้กำกับโปรไฟล์ที่ได้รับการยืนยันหลายสิบบัญชี

นอกจากนี้ ใน พ.ศ. 2563 เฟซบุ๊กเริ่มติดป้ายกำกับบัญชีสื่อที่ควบคุมโดยรัฐ การเปิดเผยข้อมูลในภาษาต่าง ๆ นอกเหนือจากภาษาอังกฤษนั้นไม่หนักแน่น แม้ว่าเนื้อหาของรัฐบาลจีนจะมีการเผยแพร่ในภาษาอาหรับ ฝรั่งเศส และสเปน ในบรรดาภาษาอื่น ๆ

โครงการสื่อจีนซึ่งเป็นกลุ่มวิจัยของฮ่องกงพบว่าการติดป้ายกำกับความโปร่งใสสร้างความแตกต่าง: ผู้ใช้ทวิตเตอร์โดยสื่อมวลชนจีนกดถูกใจและแชร์ทวีตน้อยลงหลังจากเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2563 เมื่อแพลตฟอร์มดังกล่าวเริ่มบ่งชี้ว่าผู้ใช้เหล่านั้นเป็นสื่อในเครือของรัฐ รวมถึงหยุดขยายความและแนะนำเนื้อหาของตน

หัวหน้าบรรณาธิการโกลบอลไทมส์ของจีนสังเกตเห็นผลกระทบในทันที เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2563 นายหู ซีจิ้น ได้ทวีตข้อความแสดงความตกตะลึงที่มีการเพิ่มป้ายกำกับ “สื่อในเครือของรัฐบาลจีน” ลงในโปรไฟล์ของตน และกล่าวว่าการเพิ่มขึ้นของผู้ติดตามของตนลดฮวบลง “ดูเหมือนว่าทวิตเตอร์จะปิดกั้นบัญชีของผมในที่สุด” นายหูกล่าว

 

ภาพจาก: ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button