ติดอันดับ

ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ร่วมมือกันปราบปรามศัตรู

ฟีลิกซ์ คิม

ความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้กำลังได้รับแรงผลักดัน เนื่องจากหุ้นส่วนอินโดแปซิฟิกต่างตระหนักมากขึ้นถึงคุณค่าของการแบ่งปันข่าวกรองและความร่วมมือด้านการป้องกันขีปนาวุธ เพื่อยับยั้งและป้องกันภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือและสาธารณรัฐประชาชนจีน ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการเสริมสร้างความเป็นพันธมิตรที่ทั้งสองประเทศมีกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งก่อให้เกิดความร่วมมือไตรภาคีอันทรงพลัง

นายซอ อุก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ได้อธิบายถึงความร่วมมือด้านความมั่นคงกับญี่ปุ่นว่า เป็น “สินทรัพย์อันมีค่า” ในการป้องกันคาบสมุทรเกาหลีในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2564 กับบลูมเบิร์กทีวี ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นายซอได้สนทนากับนายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ โดยที่นายซอได้อธิบายถึงการเป็นพันธมิตรของเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ ว่า เป็นศูนย์กลางในการปกป้องคาบสมุทรเกาหลี

การแบ่งปันข่าวกรองและการทำงานร่วมกันในการป้องกันขีปนาวุธเป็นสิ่งสำคัญสำหรับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ดร. บรูซ เบนเน็ต นักวิจัยอาวุโสด้านนานาชาติ/กลาโหมที่บริษัทแรนด์คอร์ปอเรชันกล่าว “ความร่วมมือกันด้านการป้องกันขีปนาวุธกลายเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เกาหลีเหนือปล่อยขีปนาวุธบางอย่างใส่เกาหลีใต้ เช่น หนึ่งในขีปนาวุธใหม่เหล่านี้” ดร. เบนเน็ตกล่าว “พวกเขามีเวลาเพียงไม่กี่นาทีก่อนที่ขีปนาวุธดังกล่าวจะพุ่งเข้าใส่เกาหลีใต้ และเวลาทุกวินาทีที่มีเพิ่มขึ้นในการทำความเข้าใจว่าขีปนาวุธดังกล่าวอยู่ที่ใดและเป็นอย่างไรจะทำให้มีโอกาสมากขึ้นในการสกัดกั้นขีปนาวุธนั้น”

ดาวเทียมและขีดความสามารถด้านข่าวกรองอื่น ๆ ของญี่ปุ่นอาจช่วยให้เกาหลีใต้มีเวลาดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีกหลายวินาที “ดังนั้นแล้ว นี่ไม่ใช่เพียงประเด็นด้านยุทธศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นประเด็นด้านกลยุทธ์ในแง่ของกลาโหมอีกด้วย” ดร. เบนเน็ตกล่าว

รัฐบาลญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ยังคงข้อตกลงการรักษาข้อมูลทางทหารร่วมไว้ ซึ่งทำให้ทั้งสองรัฐบาลแบ่งปันข้อมูลซึ่งกันและกันได้โดยตรงเกี่ยวกับเรื่องกองทัพและกิจกรรมนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

ญี่ปุ่นยังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางทะเลในทะเลญี่ปุ่นของเกาหลีเหนือ ซึ่งรู้จักกันในประเทศเกาหลีใต้ในชื่อทะเลตะวันออก ดร. เบนเน็ตกล่าว (ภาพ: นักการทูตระดับสูงจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริการวมตัวกันในการประชุมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านกลาโหมและการทูต)

เกาหลีเหนือมุ่งมั่นที่จะผนวกรวมเข้ากับเกาหลีใต้ภายใต้ข้อกำหนดของตนเอง และได้เตรียมพร้อมที่จะใช้การรุกรานทางทหารเพื่อดำเนินการเช่นนั้น ดร. เบนเน็ตกล่าวย้ำ อีกทั้งยังกล่าวว่า ความร่วมมือด้านกลาโหมที่ใกล้ชิดกันมากขึ้นระหว่างรัฐบาลเกาหลีใต้และญี่ปุ่นจะทำให้การดำเนินการของรัฐบาลเกาหลีเหนือเป็นไปได้ยากขึ้น

เมื่อญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เพิ่มความร่วมมือด้านกลาโหมของตนมากขึ้น สหรัฐฯ จะมีความพร้อมในการปกป้องทั้งสองประเทศมากขึ้น ดร. เบนเน็ตกล่าวเสริม สหรัฐฯ จำเป็นต้องมี “สนามบินและท่าเรือ รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ในญี่ปุ่น เพื่อให้สามารถส่งกองกำลังไปยังคาบสมุทรเกาหลีได้อย่างรวดเร็ว” ดร. เบนเน็ตกล่าว “ดังนั้น ทุกคนจึงสนใจที่จะร่วมมือกันในพื้นที่นี้”

จีนก่อภัยคุกคามต่อทั้งสองประเทศอย่างต่อเนื่อง และมีลักษณะการกระทำเป็นไปในรูปแบบที่ ดร. เบนเน็ตระบุว่าเป็นสงครามทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลงโทษรัฐบาลเกาหลีใต้ที่ติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธแบบระบบต่อต้านขีปนาวุธเพดานบินสูง “รัฐบาลจีนต้องการจะเป็นมหาอำนาจของโลก” ดร. เบนเน็ตกล่าว “รัฐบาลจีนต้องการครองโลก”

ฟีลิกซ์ คิม เป็นผู้สื่อข่าวสมทบของ FORUM รายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้

 

ภาพจาก: รอยเตอร์

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button