ติดอันดับ

เกาหลีเหนือหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรด้วยสกุลเงินดิจิทัล

ทอม แอบกี

เกาหลีเหนือใช้สกุลเงินดิจิทัลเพื่อโจรกรรมสินทรัพย์และหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร ตามรายงานขององค์การสหประชาชาติและผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรม

คณะผู้เชี่ยวชาญแห่งองค์การสหประชาชาติตรวจสอบและรายงานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือโจรกรรมเงินจำนวน 316 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 9.6 พันล้านบาท) จากสถาบันทางการเงินและตลาดหลักทรัพย์เสมือนจริง นอกจากนี้ ระบอบการปกครองเกาหลีเหนือยังใช้ประโยชน์จากเงินดังกล่าวเพื่อสนับสนุนโครงการขีปนาวุธนิวเคลียร์และอาวุธทำลายล้างสูง ซึ่งเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

นอกเหนือจากการมีส่วนร่วมในอาชญากรรมทางไซเบอร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรแล้ว รัฐบาลเกาหลีเหนือยังดำเนินการ “ขุด” สกุลเงินดิจิทัลที่มีชื่อว่าโมเนโร ตามรายงานของเรคคอร์ดฟิวเจอร์ส บริษัทรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ในสหรัฐฯ

สกุลเงินดิจิทัลอย่างโมเนโรเป็น “เครื่องมือที่สำคัญต่อเกาหลีเหนือในฐานะที่เป็นแหล่งกำเนิดรายได้อิสระและมีการควบคุมอย่างหละหลวม อีกทั้งยังเป็นวิธีการเคลื่อนย้ายและใช้ประโยชน์จากเงินที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมายอีกด้วย” เรคคอร์ดฟิวเจอร์ระบุ

เช่นเดียวกับสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ โมเนโรได้รับการสร้างขึ้นหรือ “ถูกขุด” เมื่อคอมพิวเตอร์ที่ปฏิบัติการในเครือข่ายที่รู้จักกันในชื่อว่า บล็อกเชน แก้ไขปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่เรียกว่า “ปัญหาการเข้ารหัสแฮช” ก่อนที่คอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ในเครือข่ายจะกระทำการดังกล่าว ตามข้อมูลของดิจิโคโนมิสต์ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มข่าวสารเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล โดยปกติแล้วจะต้องใช้พลังงานในการคำนวณผลจำนวนมาก ซึ่งทำให้การใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นคือต้นทุนที่เกี่ยวข้องที่สูงมากที่สุด

เรคคอร์ดฟิวเจอร์สระบุว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือชื่นชอบสกุลเงินโมเนโรมากกว่าสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ เนื่องจากมีเส้นทางการทำธุรกรรมที่คลุมเครือและข้อกำหนดด้านเทคโนโลยีที่ต่ำ

“เกาหลีเหนือพึ่งพาไฟฟ้าพลังน้ำและถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า” นายฌอน เมอร์ฟี่ ผู้ก่อตั้งอิมแพคสโคป บริษัทที่ดำเนินการในสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การชดเชยปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนของสกุลเงินดิจิทัล กล่าวกับ ฟอรัม “แต่เมื่อการบริโภคเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการขุดสกุลเงินดิจิทัลอย่างเข้มข้น ถ่านหินจะถูกเผาไหม้มากขึ้นเนื่องจากการสร้างเขื่อนพลังน้ำแห่งใหม่อย่างกะทันหันไม่ใช่ทางเลือก”
นายเมอร์ฟี่กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรต่าง ๆ สั่งห้ามไม่ให้เกาหลีเหนือส่งออกถ่านหิน แต่รัฐบาลเกาหลีเหนือก็ใช้โรงไฟฟ้าถ่านหินเพื่อจ่ายไฟให้แก่คอมพิวเตอร์ที่ทำการขุดสกุลเงินโมเนโร จากนั้น รัฐบาลเกาหลีเหนือก็สามารถลักลอบใช้โมเนโรเพื่อชำระเงินสำหรับการนำเข้าน้ำมันหรือชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับโครงการอาวุธ ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้เป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรจากสหประชาชาติ

คณะกรรมการองค์การสหประชาชาติกล่าวว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือแปลงสกุลเงินดิจิทัลได้รับมาโดยมิชอบเป็นสกุลเงินธรรมดา โดยได้รับความช่วยเหลือจากนายหน้าสินทรัพย์เสมือนจริงในจีน

นายเมอร์ฟี่กล่าวว่า “การที่เกาหลีเหนือขุดและใช้จ่ายเงินโมเนโรเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรนั้นก่อให้เกิดผลเสียอย่างเห็นได้ชัด และเราไม่สามารถเพิกเฉยต่อผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน”

นายเมอร์ฟี่กล่าวเสริมว่า ก๊าซคาร์บอนที่ถูกปล่อยในการขุดสกุลเงินดิจิทัลมีปริมาณมากกว่าปริมาณคาร์บอนที่เกิดจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดในนิวซีแลนด์ มีแนวโน้มว่าผู้มีส่วนร่วมที่เลวร้ายที่สุดในการปล่อยก๊าซคาร์บอนดังกล่าวอาจเป็นประเทศที่มีแหล่งพลังงานไฟฟ้าราคาถูกและสกปรก รวมถึงอยู่ภายใต้ระบอบการปกครองแบบเผด็จการ เช่น จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ซึ่งให้ความสำคัญกับการระดมทุนแก่ระบอบการปกครองมากกว่าการปกป้องชั้นบรรยากาศ (ภาพ: ควันจากโรงงานผลิตไฟฟ้าถ่านหินลอยตัวขึ้นเหนือกรุงเปียงยาง เกาหลีเหนือ)

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือ ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. รายงานตามข้อกล่าวหาซ้ำของทำเนียบขาวเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 ว่า ยังเป็นที่ทราบกันดีว่าเหมืองถ่านหินของเกาหลีเหนือมีการบังคับใช้แรงงานจากค่ายกักกันอีกด้วย

นายทอม แอบกี เป็นผู้สื่อข่าวสมทบของ ฟอรัม รายงานจากประเทศสิงคโปร์

 

ภาพจาก: เอเอฟพี/เก็ตตี้อิมเมจ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button