อินเดีย: การควบคุมการขาย สินค้าจีนให้แก่รัฐบาล

ท่ามกลางการเรียกร้องให้คว่ำบาตรสินค้าของจีนหลังเกิดการปะทะบริเวณชายแดนเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 ซึ่งทำให้ทหารอินเดียเสียชีวิต 20 นาย รัฐบาลอินเดียได้สั่งการให้ผู้ขายเปิดเผยชื่อประเทศผู้ผลิตสินค้าและบริการที่ซื้อผ่านทางพอร์ทัลออนไลน์ที่รัฐดำเนินการ (ภาพ: นักข่าวชาวอินเดียถือป้ายประกาศที่เรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรผลิตภัณฑ์ของจีนระหว่างการประท้วงที่นิวเดลีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563)

รัฐบาลประกาศเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดสำหรับผู้ใช้พอร์ทัลตลาดอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐบาลในแถลงการณ์เดือนมิถุนายน ทั้งนี้ ไม่ได้เจาะจงชื่อสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่แหล่งข่าวอย่างเป็นทางการระบุว่าวัตถุประสงค์หลักคือการระบุสิ่งของที่มาจากจีน

แถลงการณ์ระบุว่า พอร์ทัลดังกล่าวจะมีตัวกรอง “ผลิตในอินเดีย” เพื่อให้รัฐบาลหรือหน่วยงานของตนสามารถเลือกซื้อเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์เนื้อหาท้องถิ่นขั้นต่ำร้อยละ 50

เพื่อเป็นการตอบรับการตัดสินใจดังกล่าว หออุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกลุ่มเฉพาะที่ใกล้ชิดกับคณะรัฐมนตรีของนายนเรนทระ โมที ได้ขอให้รัฐบาลขยายกฎใหม่ไปยังแพลตฟอร์มออนไลน์ของเอกชนด้วย

ฝ่ายเศรษฐกิจของกลุ่มราษฏริยะ สวยัมเสวก สังฆ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานชี้นำของพรรคภารติยะชนตะที่เป็นรัฐบาล กล่าวว่า การเคลื่อนไหวในช่วงปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 จะช่วยควบคุมสินค้านำเข้าจากจีนและควรนำไปใช้กับองค์กรอื่น ๆ เช่น แอมะซอน ด้วย

“รัฐบาลควรขยายกฎไปยังทุกแพลตฟอร์มเพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่จะไม่ซื้อผลิตภัณฑ์จากจีน” นายอาชวานี มหาจันทร์ ประธานการประชุมร่วมของสวเทศี จาแกรน แมนช์ ซึ่งเป็นเครือข่ายของกลุ่มราษฏริยะ สวยัมเสวก สังฆ์ กล่าว

พอร์ทัลดังกล่าวซึ่งก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2559 เพื่อส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็ก ได้ถูกบริษัทจำนวนมากนำไปใช้ในทางที่ผิดโดยจำหน่ายสินค้านำเข้าจากจีน เช่น เฟอร์นิเจอร์สำนักงาน คอมพิวเตอร์ เครื่องปรับอากาศ อะไหล่รถยนต์ และเครื่องจักรกล ตามรายงานของเจ้าหน้าที่

“การตัดสินใจครั้งนี้จะส่งเสริมผู้ผลิตในประเทศ เนื่องจากจนถึงขณะนี้ มีผู้ขายในประเทศจำนวนมากนำเข้าสินค้าจากจีนและขายผ่านพอร์ทัลนี้” แหล่งข่าวของรัฐบาลระบุ

เจ้าหน้าที่รัฐบาลสองคนกล่าวว่า อินเดียยังมีแผนที่จะกำหนดมาตรการตั้งกำแพงทางการค้าที่สูงขึ้น และเพิ่มภาษีการนำเข้าสินค้าจากจีนและที่อื่น ๆ ประมาณ 300 รายการเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปกป้องธุรกิจภายในประเทศ  รอยเตอร์