ติดอันดับ

เกิดการเรียกร้องเพิ่มขึ้นให้สหภาพยุโรปล้มเลิกข้อตกลงการลงทุนกับจีน หลังมีการจับกุมคนในฮ่องกงมากขึ้น

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

การปราบปรามขบวนการฝ่ายประชาธิปไตยในฮ่องกงที่ขยายวงกว้างขึ้นของพรรคคอมมิวนิสต์จีน กระตุ้นให้เกิดการเรียกร้องเพิ่มขึ้นเพื่อให้สหภาพยุโรปทบทวนการพิจารณาข้อตกลงการลงทุนฉบับใหม่กับสาธารณรัฐประชาชนจีน กระทั่งก่อนที่ข้อตกลงซึ่งอาจเป็นผลประโยชน์จะได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการ

“หากข้อตกลงนี้เดินหน้าต่อไป จะเป็นการการเย้ยหยันความมุ่งมั่นของยุโรปที่จะเป็นผู้มีบทบาททางการเมืองและเศรษฐกิจระดับโลกอย่างจริงจัง” นายคริส แพตเทน ผู้สำเร็จราชการของอังกฤษคนสุดท้ายประจำฮ่องกง กล่าวในหลายชั่วโมงหลังจากที่มีการจับกุมสมาชิกสภานิติบัญญัติและนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านในเมืองมากกว่า 50 คน ในข้อหาล้มล้างการปกครอง เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2564 “นั่นเป็นการเหยียดหยามสิทธิมนุษยชน และแสดงให้เห็นมุมมองที่ผิดเพี้ยนเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเวทีระดับนานาชาติ”

เมื่อทั้งโลกหันเหความสนใจไปที่การระบาดครั้งใหญ่ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนถึงสาเหตุการอุบัติขึ้นในจีน พรรคคอมมิวนิสต์จีน “ก็ยิ่งดำเนินการในฮ่องกงหนักข้อขึ้น” นายแพตเทนกล่าวในแถลงการณ์ที่ออกโดยฮ่องกงวอทช์ ซึ่งเป็นกลุ่มนักสิทธิมนุษยชนในสหราชอาณาจักรที่นายแพตเทนเป็นผู้อุปถัมภ์ “ประเทศประชาธิปไตยเสรีนิยมทั่วโลกต้องออกปากต่อต้านการทำลายล้างสังคมเสรีอย่างโหดเหี้ยมต่อไป เช่นเดียวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในซินเจียง”

ข้อตกลงว่าด้วยการลงทุนที่ครอบคลุมได้รับการอนุมัติตามหลักการเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2563 หลังจากการประชุมทางวิดีโอที่มีผู้นำยุโรปเข้าร่วม รวมถึงนายแอมานุเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ข้อตกลงดังกล่าวใช้เวลากว่าเจ็ดปีในการเจรจาซึ่งต้องได้รับการให้สัตยาบันจากรัฐสภายุโรป

สหภาพยุโรปกล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยรักษาดุลอำนาจด้านความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน ซึ่งคาดว่ามีมูลค่ามากกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 36 ล้านบาท) ต่อวัน โดยการผ่อนปรนการเข้าถึงภาคการตลาดจีนที่มีข้อจำกัด รวมถึงการผลิตอุปกรณ์ด้านสุขภาพและบริการทางทะเลระหว่างประเทศ “บริษัทยุโรปที่ดำเนินกิจการในประเทศจีนไม่ได้รับผลประโยชน์จากความโปร่งใสและการแข่งขันที่เป็นธรรมในระดับเดียวกับที่บริษัทจีนได้รับในตลาดสหภาพยุโรป” กลุ่ม 27 ประเทศกล่าว

เจ้าหน้าที่ยุโรปกล่าวว่าตนมี “ข้อผูกมัดที่มีหลักประกัน” จากจีนในการประจันหน้ากับแรงงานบังคับ และรับมือกับความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศรวมถึงมาตรการอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนเอ่ยปากว่าข้อตกลงดังกล่าวจะให้ผลตอบแทนแก่พรรคคอมมิวนิสต์จีน แม้ว่ารัฐบาลเผด็จการของจีนจะเหยียบย่ำเสรีภาพพลเมืองในฮ่องกง บังคับให้ชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยมุสลิมอื่น ๆ นับล้านคนเข้าค่ายกักกัน รวมถึงแรงงานบังคับในภูมิภาคซินเจียง ตลอดจนบ่อนทำลายมรดกทางวัฒนธรรมของเชื้อชาติชาวมองโกลทางตอนเหนือของจีน

นักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นประวัติที่น่าอดสูของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในการรับประกันด้วยเกียรติว่าจะปกป้องประชาชนของตนหรือโลกใบนี้ นายธอร์สเทน เบนเนอร์ ผู้อำนวยการสถาบันนโยบายสาธารณะระดับโลก ในกรุงเบอร์ลิน กล่าวกับเรดิโอฟรีเอเชียว่า “ผมคิดว่าสัญญาเหล่านี้ไม่คุ้มค่ากับกระดาษที่เขียนลงไป”

ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ความกลัวดังกล่าวก็เป็นที่ตระหนัก การจับกุมมวลชนในฮ่องกงเป็นแผนการลงโทษสืบเนื่องครั้งล่าสุด นับตั้งแต่สภานิติบัญญัติของจีนออกกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่เมื่อกลาง พ.ศ. 2563 รวมถึงการยกเลิกการเลือกตั้งทั่วเมืองอย่างฉับพลัน ผู้ที่ถูกกักขังหลายคนได้เข้าร่วมลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งผู้สมัครรอบแรกที่เลื่อนออกไปภายหลัง ตามรายงานของฮ่องกงวอทช์ (ภาพ: สมาชิกพรรคฝ่ายประชาธิปไตยของฮ่องกงประท้วงการจับกุมสมาชิกสภานิติบัญญัติและนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้าน ในระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2564)

ในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 9 มกราคม รัฐบาลออสเตรเลีย แคนาดา สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกาย้ำว่า กฎหมายความมั่นคงดังกล่าวละเมิดข้อตกลงในการส่งคืนฮ่องกงให้แก่จีนใน พ.ศ. 2540 หลังจากที่ฮ่องกงตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษมาอย่างยาวนาน โดยข้อตกลงดังกล่าวเรียกร้องให้เมืองศูนย์กลางทางการเงินทั่วโลกซึ่งมีประชากร 7.5 ล้านคนแห่งนี้ปกครองตนเองได้ตามขอบเขตที่กำหนดเป็นเวลา 50 ปี

“เป็นที่แน่ชัดว่ามีการใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติเพื่อขจัดความขัดแย้งและมุมมองทางการเมืองฝั่งตรงข้าม” แถลงการณ์ระบุ

นายสี “อาจคะเนจากการที่มีสนธิสัญญาดังกล่าวอยู่ในมือของตน ว่าจะกดขี่ฮ่องกงได้อย่างเสรีมากขึ้นต่อไป” หนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันโพสต์ระบุในบทบรรณาธิการเมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา โดยเรียกร้องให้รัฐสภายุโรปปฏิเสธข้อตกลงการลงทุน “ตราบใดที่ยังมีการขัดขวางประชาธิปไตยในฮ่องกง”

นายแพตเทนกล่าวว่าข้อตกลงการลงทุนนี้แสดงให้เห็นถึง “ความสะเพร่าเชิงยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่” จาก “พฤติกรรมการข่มเหงที่น่ารังเกียจของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและการทำลายความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศของเรา”

“สิ่งที่เราควรทำไม่ใช่การหาทางยับยั้งจีน” นายแพตเทนกล่าว “แต่เป็นการกำจัดพรรคคอมมิวนิสต์จีน”

 

ภาพจาก: ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button