ติดอันดับ

ฝ่ายกลาโหมเกาหลีใต้เพิ่มความแข็งแกร่งด้วยเรือดำน้ำ โครงการเรือพิฆาต

ฟีลิกซ์ คิม

อุตสาหกรรมกลาโหมของเกาหลีใต้ยังคงเพิ่มการผลิตภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง ด้วยการต่อเรือดำน้ำขนาด 3,000 ตันที่สามารถยิงขีปนาวุธทิ้งตัวได้ ซึ่งแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2563 และการต่อเรือพิฆาตขนาด 6,000 ตันพร้อมด้วยระบบต่อสู้ที่ทันสมัยตามแผนที่วางไว้

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การผลิตยุทโธปกรณ์ในเกาหลีใต้ทำให้กองทัพของสาธารณรัฐเกาหลีสามารถเสริมสร้างขีดความสามารถได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าซึ่งใช้ต้นทุนสูง อีกทั้งยังเสริมสร้างความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

“ทั้งเรือดำน้ำและเรือพิฆาตต่างมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้” ดร. บรูซ เบนเน็ต ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีของบริษัทแรนด์คอร์ปอเรชัน กล่าวกับ ฟอรัม เกี่ยวกับความมุ่งมั่นของทั้งสองชาติต่อคาบสมุทรเกาหลีที่ปลอดภัย ดร. เบนเน็ตยังกล่าวอีกว่า ผู้นำฝ่ายกลาโหมของเกาหลีใต้เชื่อกันมาอย่างยาวนานว่าเกาหลีใต้จะสามารถจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพได้มากขึ้น หากเกาหลีใต้ผลิตยุทโธปกรณ์ของกองทัพด้วยตนเอง “งบประมาณด้านกลาโหมของเกาหลีใต้น้อยกว่าสหรัฐฯ เกินร้อยละ 10 ดังนั้นเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญ” 

เรืออันมู ซึ่งตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่นายพลชาวเกาหลีท่านหนึ่ง เป็นเรือดำน้ำขนาด 3,000 ตันลำที่ 2 ใน 3 ลำที่กองทัพเกาหลีใต้วางแผนจะพัฒนาภายใน พ.ศ. 2566 ภายใต้โครงการมูลค่า 2.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8.3 หมื่นล้านบาท) ที่เปิดตัวไปเมื่อ พ.ศ. 2550 เรือดำน้ำดีเซลไฟฟ้าอันมู ซึ่งมีความยาวกว่า 80 เมตรและกว้างเกือบ 10 เมตร (ในภาพ) สามารถปฏิบัติการใต้น้ำได้เป็นเวลา 20 วันและจุลูกเรือได้ 50 คน โดยท่อยิงกระสุนแนวดิ่งทั้ง 6 จุดสามารถยิงขีปนาวุธทิ้งตัวได้

กองเรือของเกาหลีใต้ ซึ่งมีเรือดำน้ำขนาด 1,200 ตัน จำนวน 9 ลำและเรือดำน้ำขนาด 1,800 ตัน จำนวน 9 ลำ “น่าจะเพียงพอแล้ว หากพวกเขากังวลเพียงแค่ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ” ดร. เบ็นเน็ตกล่าวโดยอ้างถึงเรือดำน้ำนิวเคลียร์ที่จีนได้ส่งลงพื้นที่เมื่อไม่นานมานี้

สำนักงานโครงการจัดซื้อด้านกลาโหมของรัฐบาลเกาหลีใต้รายงานว่า เรือพิฆาตเกาหลีรุ่นต่อไปจะติดตั้งระบบสู้รบเอจิส พร้อมกับเซ็นเซอร์ขั้นสูง ระบบป้องกันขีปนาวุธ และคุณสมบัติล่องหน เช่น ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าไร้เสียง ซึ่งเหมาะสำหรับการทำสงครามปราบปรามเรือดำน้ำ เรือพิฆาตขนาด 6,000 ตันดังกล่าวจะมีคุณสมบัติอยู่กึ่งกลางระหว่างเรือพิฆาตเคดีเอ็กซ์ 3 ซึ่งเหนือกว่า และเรือพิฆาตเคดีเอ็กซ์ 2 ซึ่งเป็นรองลงมา การต่อเรือจะเริ่มต้นใน พ.ศ. 2567 โดยบริษัท ฮุนไดเฮฟวีอินดัสตรีย์ จำกัด ซึ่งได้รับการขึ้นบัญชีเป็น “ผู้ประมูลรายใหญ่”

เอจิสเป็นระบบยุทโธปกรณ์สำหรับกองทัพเรือแบบบูรณาการของสหรัฐฯ ซึ่งกองทัพเรือออสเตรเลีย นอร์เวย์ สเปน และสหรัฐฯ และกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นต่างนำไปใช้งาน

“ระบบเอจิสได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างเครือข่ายซึ่งกันและกัน และการสร้างเครือข่ายทำให้พวกเขารับรู้สถานการณ์ได้ดีขึ้น เพิ่มความสามารถในการป้องกัน ไม่ต้องเปลืองเครื่องสกัดกั้นเพื่อสกัดขีปนาวุธแบบเดียวกันที่มุ่งหน้ามาทางใต้” ดร. เบนเน็ตกล่าว “ตามหลักการแล้ว เมื่อใดก็ตามที่เกาหลีเหนือโจมตีเกาหลีใต้ ทั้งเรือพิฆาตของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้จะร่วมกันยืนหยัดปกป้อง”

ดร. เบนเน็ตกล่าวเสริมว่า แม้จะต่อเรือพิฆาตลำใหม่ขึ้นในเกาหลีใต้ แต่อาวุธยุทโธปกรณ์เอจิสและส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่จะนำเข้าจากสหรัฐฯ “ดังนั้นในบางกรณี การพัฒนาขั้นสูงเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมการค้ากับสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น”

ฟีลิกซ์ คิม เป็นผู้สื่อข่าวสมทบของ ฟอรัม รายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button