ติดอันดับ

นิวซีแลนด์กับเวียดนามกระชับความสัมพันธ์ด้านกลาโหมและความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเล

ทอม แอบกี

ความสัมพันธ์ด้านกลาโหมอันแนบแน่นและความมุ่งมั่นร่วมกันในด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเล และปฏิบัติการรักษาสันติภาพร่วม เป็นส่วนหนึ่งในบรรดาหัวข้อในการเจรจานโยบายด้านกลาโหมระหว่างเวียดนามกับนิวซีแลนด์ครั้งที่สามเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563

การประชุมทางออนไลน์ครั้งนี้ (ภาพ) มี พล.ท. เฮือง ซวน เชียน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเวียดนามอาวุโส เป็นประธานร่วมกับนายแอนดรูว์ บริดจ์แมน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนิวซีแลนด์ โดยการเจรจาครั้งนี้ได้มุ่งเน้นถึงความร่วมมือด้านกลาโหมที่รวมอยู่ในข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของประเทศทั้งสอง ซึ่งได้ลงนามเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2563 ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมเวียดนาม ความร่วมมือเหล่านี้ประกอบด้วยการแลกเปลี่ยน การศึกษา และการฝึกอบรมของคณะผู้แทน ตลอดจนการมีส่วนร่วมในปฏิบัติการรักษาสันติภาพขององค์การสหประชาชาติ

กระทรวงกลาโหมเวียดนามกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดการประชุมประจำปีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมโดยเริ่มต้นใน พ.ศ. 2564 อีกทั้งจะมีการจัดตั้งแผนงาน 3 ปีเพื่อยกระดับความร่วมมือด้านกลาโหมอย่างต่อเนื่องโดยเริ่มใน พ.ศ. 2565

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องต้องกันถึงความสำคัญของการเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ การระงับข้อพิพาทด้วยวิธีทางการทูต และการไม่ใช้หรือไม่บังคับขู่เข็ญด้วยกำลัง ซึ่งสะท้อนอยู่ในข้อความในข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ดังกล่าว

ในแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของประเทศทั้งสอง ได้เรียกชื่ออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลเป็นอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมเสรีภาพในการเดินเรือและการบินข้ามน่านฟ้า ประเทศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกพากันแสดงความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับกิจกรรมเชิงคุกคามของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ยังคงมีอยู่ในทะเลจีนใต้ แม้ว่าศาลระหว่างประเทศจะปฏิเสธการอ้างสิทธิ์ในอาณาเขตของจีนแล้วก็ตาม

แถลงการณ์ระบุว่า “เรามีความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการพัฒนาในทะเลจีนใต้ รวมถึงกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง และเราขอเน้นย้ำถึงความสำคัญของการไม่ใช้กำลังทางทหาร และการยับยั้งตนเองจากการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการหลีกเลี่ยงการดำเนินการที่อาจทำให้สถานการณ์ซับซ้อนยิ่งขึ้น หรือทำให้ข้อพิพาทบานปลาย และส่งผลกระทบต่อสันติภาพและเสถียรภาพ”

นอกจากนี้ แถลงการณ์ร่วมดังกล่าวยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของประเทศทั้งสองที่มีต่อ “ความเป็นศูนย์กลางของอาเซียน” ในการปกป้องอำนาจอธิปไตยและผลประโยชน์ของทุกประเทศในอินโดแปซิฟิก ไม่ว่าจะมีขนาดใดก็ตาม โดยอ้างถึงสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีเวียดนามเป็นประธานใน พ.ศ. 2563

ข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ขยายขอบเขตตามความร่วมมือที่ครอบคลุมซึ่งนิวซีแลนด์และเวียดนามเห็นพ้องกันเมื่อ พ.ศ. 2552 และได้ลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อความร่วมมือด้านกลาโหมใน พ.ศ. 2556

ในระหว่างการอภิปรายเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการมีส่วนร่วมในภารกิจการรักษาสันติภาพขององค์การสหประชาชาติในฐานะพื้นที่ความร่วมมือด้านกลาโหม ตามเอกสารของสหประชาชาติระบุว่า บุคลากรของกองทัพจากนิวซีแลนด์และเวียดนามได้ทำงานร่วมกันในปฏิบัติการรักษาสันติภาพในซูดานใต้

บุคลากรของกองทัพบกเวียดนามได้บริหารและจัดหาคณะทำงานให้กับโรงพยาบาลสนามใกล้กับค่ายของสหประชาชาติในเมืองเบนทิว ประเทศซูดานใต้ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ภายใต้การนำของนายเดวิด เชียเรอร์ จากนิวซีแลนด์ หัวหน้าภารกิจขององค์การสหประชาชาติในประเทศแอฟริกา วอยซ์ออฟเวียดนามในฮานอยรายงานว่า ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โรงพยาบาลดังกล่าวมีบทบาทสำคัญในการให้บริการการกักตัวและเป็นสถานพยาบาลแก่ผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดขององค์การสหประชาชาติ

นอกจากนี้ ในการประชุมเดือนธันวาคม พล.ท. เชียน ยังกล่าวขอบคุณนิวซีแลนด์ที่มีส่วนช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชุมชนเวียดนามกลางที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและดินถล่มอย่างรุนแรงเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2563

นายทอม แอบกี เป็นผู้สื่อข่าวสมทบของ ฟอรัม รายงานจากประเทศสิงคโปร์

 

ภาพจาก: กระทรวงกลาโหมเวียดนาม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button