ติดอันดับ

สหราชอาณาจักรเป็นประเทศแรกที่อนุมัติใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ เข้าใกล้การแจกจ่ายวัคซีนแก่สาธารณชนมากขึ้น

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

ในขณะที่หลายประเทศแข่งขันกันสร้างวัคซีนต้านโควิด-19 สหราชอาณาจักรก็กลายเป็นประเทศแรกที่อนุมัติใช้วัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัทไฟเซอร์ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2563 การให้วัคซีนแก่มวลชนมีกำหนดจะเริ่มต้นโดยเร็วที่สุดทันทีที่ทำวัคซีนสำเร็จ โดยวางแผนไว้ว่าจะแจกจ่ายล็อตแรกทันทีในสัปดาห์ที่สองของเดือนธันวาคม

“ความช่วยเหลือจากวัคซีนชนิดนี้กำลังมาถึง และตอนนี้เราพูดได้อย่างมั่นใจโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ เลย” นายแมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษกล่าว ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์

ประเทศอื่น ๆ ระบุว่า คาดว่าจะเริ่มแจกจ่ายวัคซีนให้แก่สาธารณชนก่อนสิ้น พ.ศ. 2563 เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วโลกกำลังตั้งหน้าตั้งตาดำเนินการตรวจสอบข้อมูลการทดลองจากผู้ผลิตยา เพื่อพิจารณากำหนดประสิทธิภาพและให้การอนุมัติ

นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจไวรัสโคโรนาประจำทำเนียบขาว กล่าวกับผู้ว่าการรัฐของสหรัฐฯ ในการประชุมทางโทรศัพท์ว่า สหรัฐอเมริกาน่าจะเริ่มแจกจ่ายวัคซีนได้ในช่วงต้นสัปดาห์ของวันที่ 14 ธันวาคม ตามรายงานของซีบีเอสนิวส์ บริษัทผู้ผลิตยา โมเดอร์นาและไฟเซอร์ ได้ยื่นขออนุญาตใช้วัคซีนฉุกเฉินจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบประเมินความปลอดภัยของวัคซีนก่อนที่จะอนุมัติให้ใช้ได้

หนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า พันธมิตรของบริษัทไฟเซอร์อย่างบริษัทไบโอเอ็นเทคและโมเดอร์นา ยังยื่นคำร้องขอให้วัคซีนต้านไวรัสโคโรนาของตนได้รับการอนุมัติในสหภาพยุโรปด้วย เจ้าหน้าที่ขององค์การยาแห่งยุโรปตั้งใจจะใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการตรวจสอบว่า ข้อมูลจากการทดลองจะพิสูจน์ถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนหรือไม่ ทั้งนี้ คาดว่าองค์การยาแห่งยุโรปจะออกคำตัดสินเกี่ยวกับวัคซีนของบริษัทไบโอเอ็นเทคก่อนสิ้น พ.ศ. 2563 และลงความเห็นเกี่ยวกับวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นาในต้น พ.ศ. 2564 ตามรายงานของเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล

หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ยังรายงานอีกว่า “เราจะยังคงทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกต่อไป เพื่อให้สามารถแจกจ่ายวัคซีนได้อย่างรวดเร็วหากวัคซีนได้รับการอนุมัติ ซึ่งเป็นการมีส่วนร่วมในความพยายามร่วมกันที่จะให้โลกได้รับการเยียวยาและฟื้นฟูการดำเนินชีวิตให้กลับมาเป็นปกติ” นายอูกูร์ ซาฮีน ประธานกรรมการบริหารของบริษัทไบโอเอ็นเทคกล่าว โดยเรียกการส่งมอบวัคซีนดังกล่าวว่าเป็นความสำเร็จก้าวสำคัญ

ทั้งนี้ คาดว่ากองทัพในประเทศต่าง ๆ จะมีบทบาทที่แตกต่างกันไปในการแจกจ่ายวัคซีน เช่น รายงานหลายฉบับระบุว่าในสหรัฐอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญทางทหารจะให้คำแนะนำด้านโลจิสติกส์ ในแคนาดา เจ้าหน้าที่รัฐบาลประกาศว่าผู้บัญชาการอาวุโสและเจ้าหน้าที่อื่น ๆ จากกระทรวงกลาโหมและกองทัพแคนาดา จะเป็นแนวหน้าในการแจกจ่ายวัคซีน ตามรายงานของ Army-Technology.com

ผู้ผลิตวัคซีนทั่วทั้งอินโดแปซิฟิกได้ประกาศความคืบหน้าที่สำคัญและกำหนดเวลาทั่วไปสำหรับการแจกจ่ายวัคซีน

หนังสือพิมพ์ฮินดูสถานไทมส์รายงานว่า สถาบันเซรั่มแห่งอินเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกา ตั้งใจที่จะขออนุมัติการใช้ฉุกเฉินก่อนสิ้น พ.ศ. 2563 โดยหวังว่าจะเปิดตัวเต็มรูปแบบในอินเดียภายในเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม พ.ศ. 2564 โดยยังรายงานอีกว่า บังกลาเทศได้ลงนามในข้อตกลงกับสถาบันเซรั่ม เพื่อซื้อวัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกา 30 ล้านโดสและคาดว่าจะได้รับวัคซีนเพิ่มอีก 68 ล้านโดสจากองค์กรกาวี ซึ่งเป็นพันธมิตรวัคซีนที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์

ญี่ปุ่นมีข้อตกลงที่จะซื้อวัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค 120 ล้านโดสในช่วงต้น พ.ศ. 2564, จากบริษัทแอสตราเซเนกาอีก 120 ล้านโดส และจากบริษัทโนวาแว็กซ์ 250 ล้านโดส ตามรายงานของฮินดูสถานไทมส์

ฮินดูสถานไทมส์รายงานว่า โคแว็กซ์ ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มที่นำโดยกาวี ซึ่งเป็นแนวร่วมเพื่อการคิดค้นการเตรียมพร้อมด้านการระบาด และองค์การอนามัยโลก ได้บรรลุข้อตกลงในการแจกจ่ายวัคซีนในอินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และเวียดนาม โดยคาดว่าแต่ละประเทศจะได้รับวัคซีนเสริมจากแหล่งอื่น ๆ

องค์การอนามัยโลกเรียกการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ว่าเป็น “ความท้าทายด้านเวลาที่กดดันที่สุด”

“การระบาดใหญ่ทั่วโลกเป็นสาเหตุให้เกิดการสูญเสียหลายแสนชีวิต และกระทบกับชีวิตของผู้คนอีกกว่าหลายพันล้านคน” ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก “การนำวัคซีนมาใช้จะป้องกันการสูญเสียทางเศรษฐกิจโลกมูลค่า 3.75 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 11 ล้านล้านบาท) ทุกเดือน รวมทั้งลดการสูญเสียชีวิตที่น่าเศร้า และช่วยควบคุมการระบาดได้”

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button