ติดอันดับ

การรณรงค์ด้านสาธารณสุขตั้งเป้าไปที่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

มีข้อมูลที่ผิดพลาดและการบิดเบือนข้อมูลแพร่สะพัดมาตลอดภาวะการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ตัวอย่างมีตั้งแต่องค์กรโฆษณาชวนเชื่อของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและอิหร่าน ที่กระจายข่าวปลอมเพื่อปิดบังต้นกำเนิดของไวรัส ไปจนถึงโพสต์ออนไลน์ในพม่าที่แนะนำให้ประชาชนดื่มน้ำร้อนเพื่อรักษาการติดเชื้อ และในเว็บไซต์บังกลาเทศที่กุเรื่องหลอกลวงว่าการสวมฮิญาบจะป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ต้องมีการดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อจัดการกับสิ่งที่เรียกว่าการแพร่กระจายของข้อมูลหลอกลวง โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่เริ่มดำเนินโครงการสร้างภูมิคุ้มกันโควิด-19 (ภาพ: แพทย์ฉีดวัคซีนโควาซินให้บุคลากรทางการแพทย์ในระหว่างการทดลองวัคซีนโควิด-19 ในเมืองอาห์เมดาบัด ประเทศอินเดีย เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2563)

ข่าวหลอกลวงทางออนไลน์เป็นตัวอย่างหนึ่งที่อาจลดการยอมรับวัคซีนของสาธารณชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ซึ่งมีอัตราการยอมรับวัคซีนแกว่งไปมาอยู่ที่ประมาณร้อยละ 50 เท่านั้น ดร. ดีร์กา ซาคตี รัมบี ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนและอายุรแพทย์ กล่าวกับหนังสือพิมพ์เดอะจาการ์ตาโพสต์ เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563

ข้อความจาก ดร. ดีร์กา เป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์โดยคณะทำงานเฉพาะกิจโควิด-19 แห่งชาติของอินโดนีเซีย เพื่อกระตุ้นความตระหนักถึงภาวะการระบาดใหญ่ และหยุดยั้งการแพร่กระจายข้อมูลเท็จและข้อมูลที่ไม่ได้รับการตรวจสอบทางสื่อสังคมออนไลน์

“หากประชาชนเชื่อข่าวหลอกลวง ระดับความน่าเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อวัคซีนอื่น ๆ จะลดลงด้วย รวมถึงโครงการสร้างภูมิคุ้มกันตามปกติ ซึ่งจะเป็นอันตราย โครงการสร้างภูมิคุ้มกันตามปกติที่ดำเนินการมาหลายสิบปีอาจได้รับผลกระทบ” ดร. ดีร์กากล่าวกับเดอะจาการ์ตาโพสต์

หลายประเทศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกตลอดจนองค์การระหว่างประเทศ เช่น องค์การสหประชาชาติ และองค์การอนามัยโลก กำลังดำเนินการรณรงค์อย่างมีชั้นเชิงเพื่อปกป้องพลเมืองจากข้อมูลเท็จเกี่ยวกับภาวะการระบาดใหญ่ กระนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขก็ยืนกรานว่ายังมีงานอีกมากที่ต้องทำ

เมื่อไม่นานนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในอินเดียได้เปิดเผยการรณรงค์ด้วยวิดีโอและหนังสือการ์ตูนโดยมี ไปรยา ยอดวีรสตรีคนแรกของประเทศ เป็นตัวละครเด่น จากรายงานของเว็บไซต์ Insider.com ไปรยา สตรีผู้ขี่เสือและขณะนี้สวมหน้ากากป้องกันพร้อมด้วยผ้าคลุมไหล่ ได้ต่อสู้กับความรุนแรงทางเพศมาเป็นเวลา 6 ปีแล้ว ตอนนี้ ไปรยากำลังต่อสู้กับความกลัว ความโดดเดี่ยว และการประณามอันเนื่องมาจากไวรัสโคโรนา ตลอดจนข้อมูลที่ผิดพลาดเกี่ยวกับโควิด-19

“พลังของเธอนั้นเรียบง่าย นั่นคือการส่งเสริมให้คนพูดความจริงและแสดงความเห็น แม้แต่ตอนที่คุณถูกปิดปาก” นางชูบรา พรากาช ผู้แต่งเรื่องไปรยา กล่าวกับ Insider.com

องค์กรอนามัยโลกได้เปิดตัวพันธมิตรการตอบสนองการแพร่กระจายของข้อมูลหลอกลวงในแอฟริกาเมื่อต้นเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 แก่ทีมองค์กรระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค 13 ทีมพร้อมด้วยกลุ่มการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อต่อต้านข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 และความพยายามอื่น ๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขอยากให้มีการเปิดตัวพันธมิตรที่คล้ายคลึงกันในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก

ในสหรัฐอเมริกา หน่วยงานด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ได้สร้างชุดเครื่องมือตรวจหาการบิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19 เพื่อช่วยชุมชนต่าง ๆ ต่อต้านข้อมูลที่ผิดพลาด การบิดเบือนข้อมูล และทฤษฎีสมคบคิดที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19

นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกและองค์กรสาธารณสุขอื่น ๆ ยังได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อปิดกั้นการแพร่กระจายข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาที่เป็นอันตรายด้วย แม้ว่ากูเกิล เฟซบุ๊ก แอปเปิล และบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ได้พยายามนำเนื้อหาดังกล่าวออกจากแพลตฟอร์มของตน แต่ก็ทำให้มีการเผยแพร่ผ่านทางบริการ เครื่องมือ และรหัสที่จัดหาให้แก่เว็บไซต์อื่น ๆ ที่ส่งเสริมเนื้อหาดังกล่าว ตามรายงานของโครงการโฆษณาชวนเชื่อทางคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดเมื่อเดือนธันวาคม

“บริษัทเทคโนโลยีเหล่านั้นได้ดำเนินการขั้นตอนแรกในการตรวจสอบดูแลเนื้อหา” นายฟิลิป เอ็น. โฮเวิร์ด ผู้เขียนร่วมของงานวิจัยเรื่อง “การใช้ประโยชน์จากภาวะการระบาดใหญ่” กล่าวกับหนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันโพสต์ “ขั้นตอนถัดไปคือการถอนบริการเบื้องหลังที่ช่วยให้มีการส่งข้อมูลที่ผิดพลาดเกี่ยวกับโควิด-19 และกลโกงหลอกลวง”

ไม่นานหลังเผยแพร่การศึกษาดังกล่าว กูเกิลได้ปรับใช้พื้นที่แสดงข้อมูลในผลการค้นหารวมทั้งสำหรับบริการแบ่งปันวิดีโอยูทูบ เพื่อต่อต้านการกล่าวอ้างที่เป็นเท็จเกี่ยวกับวัคซีนต้านไวรัสโคโรนา กูเกิลยังกล่าวอีกด้วยว่าจะจัดหาเงิน 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 44.7 ล้านบาท) เพื่อเป็นเงินทุนให้การวิจัยตรวจสอบข้อเท็จจริงและการสร้างศูนย์ข้อมูลสำหรับนักข่าว เพื่อช่วยให้เข้าถึง “ความรู้ความชำนาญทางวิทยาศาสตร์และข้อมูลการวิจัยล่าสุด” เกี่ยวกับวัคซีน ซีเอ็นบีซีรายงาน

ในขณะเดียวกัน เฟซบุ๊กจะ “ปฏิเสธโฆษณาที่มีการกล่าวอ้างอย่างผิด ๆ ตลอดจนโฆษณาที่ขัดขวางประชาชนไม่ให้รับวัคซีน รวมถึงวัคซีนโควิด-19” นายแอนดี สโตน โฆษกของบริษัท กล่าวกับเดอะวอชิงตันโพสต์

หลายประเทศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกได้จัดให้มีองค์กรและเว็บไซต์ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อกรองข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19 เช่น อินเดียมีบูม เอสเอ็มโฮคซ์สเลเยอร์ และอัลต์นิวส์ ศรีลังกามีแฟ็กต์เครสเซนโด วอชด็อกศรีลังกา และแฟ็กต์เช็ก ส่วนเนปาลมีเซาท์เอเชียเช็ก และเนปาลแฟ็กต์เช็ก ตามแถลงการณ์ของเว็บไซต์นักวิทยาศาสตร์ปรมาณู

การดำเนินการอย่างกระตือรือร้นมากขึ้นของแพลตฟอร์มเทคโนโลยีต่าง ๆ อาจไม่สามารถกำจัดเว็บไซต์ที่บิดเบือนข้อมูลและหลอกลวงเกี่ยวกับโควิด-19 ได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่การรณรงค์สาธารณะต้องมีความแข็งแกร่งมากกว่าการส่งสารทางเดียวแบบเดิมของรัฐบาล ผู้เชี่ยวชาญกล่าว

“การสนทนาที่ไม่หยุดนิ่งและการส่งข้อความเชิงรุกระหว่างเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกับประชาชนอาจส่งผลได้มากกว่าการลบข้อมูลเท็จออกจากแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากการลบมักเกิดขึ้นหลังจากที่บุคคลจำนวนมากได้รับข้อความเท็จในระยะหนึ่งแล้ว แนวทางที่เป็นไปได้มากกว่าคือ การที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและสถาบันวิทยาศาสตร์และการสาธารณสุขให้ข้อเท็จจริงซึ่งมีกระแสคงที่แก่ประชาชน” ดร. อามีร์ บังเกอปูร์ และ ดร. อาลี นูรี จากสหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน เขียนในนิตยสารไซเอนทิฟิกอเมริกัน เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2563

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button