ติดอันดับ

ไต้หวันยกระดับและปรับกองทัพให้ทันสมัยท่ามกลางการรุกรานที่เพิ่มขึ้นจากกองทัพอากาศกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน

กองทัพไต้หวันได้ส่งเครื่องบินเข้าสกัดกั้นเครื่องบินของกองทัพอากาศกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนเป็นจำนวนครั้งมากกว่า 2 เท่าใน พ.ศ. 2563 เมื่อเทียบกับ พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า ไต้หวันกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านความมั่นคงเพิ่มขึ้นจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมไต้หวัน

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนได้บินข้ามเส้นกึ่งกลางของช่องแคบไต้หวัน ซึ่งโดยทั่วไปถือเป็นแนวกันชนอย่างเป็นทางการระหว่างเกาะไต้หวันกับจีนแผ่นดินใหญ่ และเข้ามายังเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันทางอากาศทางตะวันตกเฉียงใต้ของไต้หวัน ตามรายงานของรอยเตอร์ ใน พ.ศ. 2563 จนถึงขณะนี้ ไต้หวันได้นำเครื่องบินขึ้นสกัดกั้นเครื่องบินของกองทัพอากาศจีนถึง 4,132 ครั้ง ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 129 ตามรายงานของรอยเตอร์ (ภาพ: เครื่องบินขับไล่ เอฟ-16วี ของไต้หวันลำหนึ่งลงจอดบนทางหลวงฉางหัวซึ่งใช้เป็นลานบินฉุกเฉินในระหว่างการฝึกจำลองการรุกรานของกองทัพปลดปล่อยประชาชน)

รายงานของไต้หวันต่อรัฐสภาระบุว่า จีน “พยายามที่จะใช้ปฏิบัติการทางทหารฝ่ายเดียวเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานะความมั่นคงในปัจจุบันของช่องแคบไต้หวัน และในขณะเดียวกันก็กำลังทดสอบการตอบสนอง เพิ่มความกดดันต่อการป้องกันทางอากาศ และลดพื้นที่การทำกิจกรรมของไต้หวัน” ตามรายงานของรอยเตอร์

การบุกรุกเข้ามาในเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันทางอากาศที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลกระตุ้นให้ไต้หวันพิจารณาเพิ่มความถี่ในการสั่งทหารกองหนุนเข้าประจำการ ตามรายงานของสำนักข่าวกลางของไต้หวัน ซึ่งรายงานอีกว่า การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความพร้อมของกำลังรบไต้หวันหากจำเป็นต้องมีการเคลื่อนพล การเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นอาจทำให้ทหารกองหนุนต้องรายงานตัวทุกปีเป็นเวลาสองสัปดาห์ แทนการรายงานตัวทุกสองปีเป็นเวลาห้าถึงเจ็ดวัน ตามรายงานของสำนักข่าวกลาง

กองทัพปลดปล่อยประชาชนมีจำนวนทหารเหนือกว่ากองทัพไต้หวัน แต่สหรัฐฯ ยังคงให้การสนับสนุนไต้หวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความตึงเครียดของไต้หวันกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งถือว่าไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีนภายใต้หลักการ “จีนเดียว” ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยนักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่า การสนับสนุนของสหรัฐฯ สร้างความโกรธเคืองให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์จีน นอกจากนี้ สหรัฐฯ ก็กำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการขายอาวุธขั้นสูงให้แก่ไต้หวันเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามที่รับรู้จากกองทัพปลดปล่อยประชาชน อันเป็นสัญญาณอีกประการที่บ่งบอกถึงการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ ที่ทำให้เจ้าหน้าที่คอมมิวนิสต์จีนไม่พอใจ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า การขายอาวุธครั้งนี้จะรวมถึงโดรนและอุปกรณ์ประกอบ รวมทั้งการสนับสนุนโครงการมูลค่าประมาณ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท) พร้อมขีปนาวุธต่อต้านเรือ

ในระหว่างนี้ ไต้หวันยังคงวุ่นวายอยู่กับการเตรียมความพร้อมของกำลังพลในด้านอื่น ๆ ตามโครงการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยที่นางไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน เป็นผู้ดูแล ซึ่งเป้าหมายคือการทำให้ไต้หวันมีความคล่องตัวและยากต่อการโจมตีมากขึ้น รอยเตอร์รายงาน

“เรากำลังพัฒนาระบบที่มีขนาดเล็ก มีจำนวนมาก มีความฉลาด ล่องหนได้ รวดเร็ว เคลื่อนที่ได้ ต้นทุนต่ำ อยู่รอดได้ มีประสิทธิภาพ ง่ายต่อการพัฒนา การบำรุงรักษา และการเก็บรักษา รวมทั้งยากต่อการตรวจจับและตอบโต้” นายชาง กวนจง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไต้หวัน กล่าวตามรายงานของรอยเตอร์

นายชางชื่นชมการร่วมมือที่เพิ่มขึ้นของไต้หวันกับสหรัฐฯ และเรียกร้องให้มีการแลกเปลี่ยนแบบทวิภาคีมากขึ้นเพื่อสนับสนุนเป้าหมายของไต้หวันด้านการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัย

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button