รัสเซีย: สหรัฐฯ พยายามที่จะ ขยายข้อตกลงอาวุธนิวเคลียร์

อุปทูตสหรัฐฯ กล่าวเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 ว่าสหรัฐอเมริกาต้องการขยายข้อตกลงหลักด้านการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์กับรัสเซีย เพื่อให้ครอบคลุมอาวุธปรมาณูทั้งหมดของรัสเซีย หลังจากเจรจากับรัฐบาลรัสเซียเรื่องข้อตกลงใหม่

นายมาร์แชล บิลลิงส์ลี อุปทูตของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้านการควบคุมอาวุธ ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะยังคงกดดันให้สาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าร่วมการเจรจาแทนที่สนธิสัญญาการลดอาวุธทางยุทธศาสตร์ฉบับใหม่ พ.ศ. 2553 หรือ นิวสตาร์ท ซึ่งจะหมดอายุในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

นายบิลลิงส์ลีกล่าวว่า อดีตคู่ปรับช่วงสงครามเย็นทั้งสองได้ตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานด้านเทคนิคและจัดการเจรจาเพิ่มเติม

รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการให้รัฐบาลจีนมีส่วนร่วม เนื่องจากกล่าวกันว่าจีนกำลังเร่งเพิ่มขนาดและการเข้าถึงคลังอาวุธนิวเคลียร์ แต่รัฐบาลรัสเซียเห็นชอบตามข้อตกลงพหุภาคี ซึ่งอาจรวมถึงฝรั่งเศสและอังกฤษด้วย นายบิลลิงส์ลีกล่าว

“เรา กล่าวคือสหรัฐอเมริกา ตั้งใจและเชื่อว่า … ข้อตกลงการควบคุมอาวุธครั้งถัดไปจะต้องครอบคลุมอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด ไม่ใช่แค่สิ่งที่เรียกว่าอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธศาสตร์เท่านั้น” นายบิลลิงส์ลีกล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย หลังจากการเจรจาที่นั่น (ภาพ: นายเซอร์เกย์ รยาบคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เดินทางมาประชุมกับนายมาร์แชล บิลลิงส์ลี อุปทูตสหรัฐฯ ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2563)

สนธิสัญญานิวสตาร์ทกำหนดให้แต่ละประเทศจำกัดจำนวนหัวรบของอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธศาสตร์ไว้ที่ 1,550 หัว ซึ่งน้อยกว่าอาวุธปรมาณูจำนวนหลายพันที่อยู่ในครองครองของทั้งสองประเทศมาก

ใน พ.ศ. 2562 รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ถอนตัวออกจากสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง พ.ศ. 2530 โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงกล่าวว่า รัฐบาลรัสเซียได้ติดตั้งขีปนาวุธร่อนให้แก่ “หลายกองพัน” ทั่วรัสเซียโดยละเมิดสนธิสัญญาดังกล่าว และขีปนาวุธบางลูกมี “ความสามารถในการโจมตีเป้าหมายสำคัญในยุโรป”

แต่รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหานั้นโดยระบุว่า ขีปนาวุธเหล่านั้นมีระยะพิสัยอยู่นอกสนธิสัญญา ข้อตกลงที่ครอบคลุมมากขึ้นนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อเอาชนะข้อโต้แย้งดังกล่าว และหลีกเลี่ยงการกร่อนทำลายสถาปัตยกรรมการควบคุมอาวุธทั่วโลก

ส่วนจีนซึ่งมีคลังนิวเคลียร์ขนาดเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ หรือรัสเซีย ได้ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมในการเจรจาต่าง ๆ ซึ่งสหรัฐฯ พยายามผลักดันให้เกิดขึ้น

นายบิลลิงส์ลีได้เผยแพร่ภาพธงชาติจีนตรงที่นั่งว่างรอบโต๊ะเจรจาก่อนที่การเจรจาจะเริ่มขึ้น แต่รัฐบาลจีนกลับเมินเฉยและมองว่าการกระทำของนายบิลลิงส์ลีเป็นเพียง “ศิลปะการแสดง” เท่านั้น

ส่วนรัสเซียกล่าวว่าการเข้าร่วมของจีนก็คงเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

รอยเตอร์