สหรัฐฯ ผลักดันให้คลังอาวุธนิวเคลียร์ที่กำลังเติบโตขึ้นของจีนเป็นส่วนหนึ่งในการเจรจาควบคุมอาวุธ
ในระยะเวลาที่เหลืออีกหกเดือนก่อนสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียจะสิ้นสุดลง การเจรจาต่ออายุสัญญาดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางความกังวลของสหรัฐฯ เกี่ยวกับคลังอาวุธนิวเคลียร์ที่กำลังเติบโตขึ้นของจีน
สนธิสัญญาลดอาวุธทางยุทธศาสตร์ฉบับใหม่ หรือ นิวสตาร์ท ที่ลงนามโดยสหรัฐฯ และรัสเซียใน พ.ศ 2553 กำหนดให้อดีตศัตรูสงครามเย็นทั้งสองฝ่ายจำกัดจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ ขีปนาวุธ เครื่องยิง และเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ตนถือครอง ข้อตกลงนี้มีกำหนดสิ้นสุดลงในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 แต่สามารถขยายเวลาได้อีกจนถึงห้าปี
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้หารือเกี่ยวกับการเจรจาควบคุมอาวุธระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
นายจัดด์ เดียร์ โฆษกทำเนียบขาว ได้ทวีตข้อความว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวย้ำถึงความหวังของตนในการหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านอาวุธสามเส้าที่มีราคาสูงระหว่างจีน รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งรอคอยความคืบหน้าในการเจรจาควบคุมอาวุธที่กำลังจะเกิดขึ้นในกรุงเวียนนา”
โดยการพูดคุยทางโทรศัพท์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเดือนที่แล้วหลังจากที่นายมาร์แชล บิลลิงส์ลี ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้านการควบคุมอาวุธกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะยังคงผลักดันให้จีนเข้าร่วมการเจรจาในสนธิสัญญาใหม่ที่จะมาทดแทนสนธิสัญญานิวสตาร์ท เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่า รัฐบาลเผด็จการของจีนกำลังขยายคลังแสงนิวเคลียร์อย่างลับ ๆ และรวดเร็ว (ภาพ: มีการจัดแสดงขบวนขีปนาวุธนิวเคลียร์ข้ามทวีป ดีเอฟ-41 ของจีนในพิธีสวนสนามทางทหารในกรุงปักกิ่ง)
“พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีหัวรบนิวเคลียร์หลายร้อยลูก” นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม “นี่เป็นพลังระดับโลกที่ร้ายแรง และอยู่ในขอบเขตที่เราสามารถหาจุดยืนร่วมกันได้ นั่นคือชุดความเข้าใจร่วมกันเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงระดับโลกขึ้นอีกครั้ง เราควรจะลงมือทำและจะต้องมีข้อตกลงและการตรวจสอบ”
สนธิสัญญานิวสตาร์ทกำหนดให้สหรัฐฯ และรัสเซียจำกัดจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ที่ 1,550 ลูก สำหรับขีปนาวุธข้ามทวีป ขีปนาวุธทิ้งตัวติดเรือดำน้ำ และเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ที่ใช้งานอยู่ โดยนับเครื่องบินทิ้งระเบิดแต่ละลำว่ามีหัวรบนิวเคลียร์หนึ่งลูกเท่านั้น แม้ว่าโดยทั่วไปอากาศยานประเภทนี้จะสามารถบรรทุกได้มากกว่านั้น เช่น กรณีของเครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ ที่สามารถบรรทุกหัวรบได้มากถึง 20 ลูก ตามรายงานของสมาคมควบคุมอาวุธซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร
สนธิสัญญาทวิภาคีเกี่ยวกับอาวุธระยะไกลฉบับนี้ยังจำกัดให้แต่ละประเทศมีขีปนาวุธข้ามทวีป ขีปนาวุธทิ้งตัวติดเรือดำน้ำ และเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่จำนวน 700 เครื่องที่ใช้งาน และเครื่องยิงขีปนาวุธข้ามทวีป เครื่องยิงขีปนาวุธทิ้งตัวติดเรือดำน้ำ และเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่จำนวน 800 เครื่องทั้งที่ใช้งานและไม่ได้ใช้งาน
เจ้าหน้าที่จีนกล่าวว่า จีนจะเข้าร่วมการเจรจาควบคุมอาวุธก็ต่อเมื่อสหรัฐฯ ลดขนาดคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ของตนให้เท่ากับจีน ในขณะเดียวกัน นักการทูตรัสเซียได้เรียกร้องให้มีการเจรจาพหุภาคีร่วมกับมหาอำนาจนิวเคลียร์ประเทศอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรด้วย
สหรัฐอเมริกามีหัวรบ 5,800 ลูกและรัสเซียมีหัวรบ 6,375 ลูก ตามรายงานของสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสต็อกโฮล์มเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 จำนวนรวมเหล่านั้น ซึ่งรวมถึงหัวรบที่ใช้งานอยู่และหัวรบที่จัดเก็บไว้หรือกำลังรอการรื้อถอน คิดเป็นร้อยละ 90 ของหัวรบที่ประเทศติดอาวุธนิวเคลียร์ 9 ประเทศทั่วโลกถือครอง
นอกจากนี้ นายบิลลิงส์ลียังได้เรียกร้องให้มีข้อตกลงใหม่ที่กำหนดให้จำกัดจำนวนอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด นอกเหนือจากอาวุธยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมในสนธิสัญญานิวสตาร์ท ซึ่งเป็นข้อตกลงอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียฉบับเดียวที่ยังคงมีผลบังคับใช้
ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2562 สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง โดยกล่าวว่ารัสเซียละเมิดสนธิสัญญาทวิภาคี พ.ศ. 2530 ซ้ำ ๆ จากการพัฒนาและติดตั้งขีปนาวุธร่อน แต่รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว