ติดอันดับ

พรรคคอมมิวนิสต์จีนแสวงหาความก้าวหน้าที่สุดในโลกให้กองทัพผ่านการแสวงหาประโยชน์

พรรคคอมมิวนิสต์จีนมุ่งสร้างกองทัพที่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดในโลกผ่านยุทธศาสตร์ที่เรียกว่าการหลอมรวมระหว่างกองทัพกับพลเรือน ซึ่งรวมถึงการใช้ประโยชน์จากความเปิดกว้างของประเทศประชาธิปไตยและการขโมยเทคโนโลยีจากประเทศอื่น ๆ

นางบอนนี เกลเซอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายจีนประจำศูนย์ยุทธศาสตร์และนานาชาติศึกษากล่าวในรายการพอดแคสต์ชื่อ ไชน่าพาวเวอร์ ที่เธอเป็นผู้จัดรายการในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 ว่า “ในระดับนานาชาติ การหลอมรวมระหว่างกองทัพกับพลเรือนสร้างความกังวลให้หลาย ๆ ประเทศซึ่งเป็นกังวลเกี่ยวกับขีดความสามารถทางทหารที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งเส้นแบ่งที่พร่าเลือนมากขึ้นระหว่างภาครัฐกับเอกชนเมื่อต้องติดต่อทำธุรกิจกับบริษัทสัญชาติจีน”

พรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังหลอกใช้สถาบันวิจัยร่วม วงการวิชาการ และบริษัทเอกชนในการสร้างระบบทหารแห่งอนาคตของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ซึ่งโดยมากไม่มีการบอกให้รู้หรือได้รับความยินยอมและมักจะผิดกฎหมาย ตามรายงานของทบวงความมั่นคงและการป้องกันการเผยแพร่ระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า “พรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังใช้ยุทธ์ศาสตร์นี้ไม่เพียงผ่านความพยายามด้านการวิจัยและพัฒนาของตนเท่านั้น แต่ยังผ่านการเสาะหาและยักย้ายถ่ายเทเทคโนโลยีล้ำสมัยรวมทั้งผ่านการจารกรรม เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจทางทหารที่เหนือกว่า”

พรรคคอมมิวนิสต์จีนมองว่าการหลอมรวมระหว่างกองทัพกับพลเรือนมีความสำคัญต่อการบรรลุจุดมุ่งหมายในระดับภูมิภาคและระดับโลก ซึ่งรวมถึงการพัฒนากองทัพปลดปล่อยประชาชนให้เป็น “กองทัพระดับโลก” ภายใน พ.ศ. 2592 และกลายเป็นชาติแรกที่ก้าวไปสู่ “การทำสงครามอัจฉริยะ” โดยการนำปัญญาประดิษฐ์ไปใช้ในสงครามยุคอนาคต กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ

พรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังจัดระเบียบรัฐวิสาหกิจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีนใหม่อย่างเป็นระบบ เพื่อให้มั่นใจว่านวัตกรรมต่าง ๆ จะทำให้การพัฒนาทางเศรษฐกิจและทางทหารก้าวหน้าไปพร้อมกัน จุดศูนย์กลางของการหลอมรวมระหว่างกองทัพกับพลเรือนคือการขจัดอุปสรรคระหว่างภาคการวิจัยและพาณิชย์ของพลเรือนกับของกองทัพจีนและภาคอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ

“จีนพยายามสร้างความสามารถทางนวัตกรรมให้เหนือกว่าผ่านการสร้างชุดเทคโนโลยีที่ใช้งานได้สองลักษณะ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อกองทัพโดยไม่ต้องใช้การลงทุนจากภาครัฐให้สิ้นเปลือง” นางเกลเซอร์อธิบาย

นายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นผู้ดูแลการนำยุทธศาสตร์ดังกล่าวไปใช้ รวมทั้งเป็นหัวหน้าคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางและคณะกรรมการกลางว่าด้วยการพัฒนาการหลอมรวมระหว่างกองทัพกับพลเรือนของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ “การหลอมรวมระหว่างกองทัพกับพลเรือนจึงคุกคามความไว้วางใจ ความโปร่งใส ภาวะถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ และค่านิยมร่วมกันที่สนับสนุนความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างประเทศ รวมทั้งการดำเนินธุรกิจระดับโลกที่เป็นธรรม” กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ “พรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังเสาะแสวงทรัพย์สินทางปัญญา การวิจัยที่สำคัญ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจากพลเมือง นักวิจัย นักวิชาการ และอุตสาหกรรมเอกชนของโลก ในลักษณะที่เป็นการลักลอบและไม่โปร่งใสเพื่อให้เป้าหมายทางการทหารก้าวหน้า”

พรรคคอมมิวนิสต์จีนมุ่งเป้าเทคโนโลยีที่สำคัญ เช่น ควอนตัมคอมพิวเตอร์ ข้อมูลขนาดใหญ่ สารกึ่งตัวนำ เทคโนโลยี 5จี เทคโนโลยีนิวเคลียร์ขั้นสูง เทคโนโลยีอวกาศ และปัญญาประดิษฐ์ ทั้งยังพยายามอย่างเห็นได้ชัดที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้ซึ่งหลายอย่างมีลักษณะที่ใช้งานได้สองแบบ และมีการประยุกต์ใช้งานทั้งในกองทัพและในส่วนพลเรือน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ

“ดังนั้น ต่อให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะให้ความมั่นใจว่าจะนำเทคโนโลยีของคุณไปใช้งานอย่างสันติเท่านั้น คุณก็ควรทราบไว้ว่ามีความเสี่ยงอย่างมาก รวมทั้งเสี่ยงต่อความมั่นคงระดับชาติของอเมริกาด้วย” นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ (ในภาพ) กล่าวกับกลุ่มผู้นำด้านเทคโนโลยีเมื่อต้น พ.ศ. 2563

พรรคคอมมิวนิสต์จีนหวังจะสร้างแรงจูงใจทางเศรษฐกิจให้กับบริษัทเอกชนผ่านนโยบายต่าง ๆ เช่น “ผลิตในจีน พ.ศ. 2568” เพื่อให้ได้มาซึ่งเส้นทางการพัฒนาที่จะทำให้จุดมุ่งหมายด้านกองทัพและวิสัยทัศน์เชิงยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไปข้างหน้า นางเกลเซอร์กล่าว

สิ่งที่เป็นปัญหามากไปกว่านั้นคือการที่จีนใช้การบีบบังคับและวิธีที่ผิดกฎหมายในการพัฒนาและได้มาซึ่งเทคโนโลยีสำคัญ ๆ รวมไปถึงการลงทุนในอุตสาหกรรมเอกชน โครงการสรรหาผู้มีความสามารถ การควบคุมดูแลความร่วมมือทางวิชาการและการวิจัยเพื่อผลประโยชน์ทางการทหาร การบังคับให้ถ่ายโอนเทคโนโลยี การรวบรวมและจารกรรมข่าวกรอง กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ

ยุทธศาสตร์การหลอมรวมระหว่างกองทัพกับพลเรือนช่วยให้มีหน่วยงานพลเรือนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ดำเนินการวิจัยและพัฒนาทางทหารรวมทั้งการผลิตอาวุธอย่างเป็นความลับ นอกจากนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังใช้ประโยชน์จากความเปิดกว้างของบริษัทวิจัยระดับโลกในการเสริมสร้างขีดความสามารถทางการทหารผ่านหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สภาทุนการศึกษาจีนซึ่งกำหนดให้ผู้ที่ได้รับทุนการศึกษารายงานผลการวิจัยในต่างประเทศของตนแก่นักการทูตจีน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button