เรื่องเด่น

การปกปิด ราคาสูง

การปิดบังข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนาของรัฐบาลจีนอาจเพิ่มจำนวนผู้เสียชีวิตและผลกระทบทางการเงินทั่วโลก

หลังจากเวลา 2:00 น. ของวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นเช้าวันถัดมาหลังจากที่ ดร. หลี่ เหวินเหลียง เสียชีวิต แฮชแท็ก #เราต้องการเสรีภาพในการพูด# ก็ปรากฏขึ้นบนเว็บไซต์เว่ยป๋อ สื่อสังคมออนไลน์ของจีน ตามรายงานของสื่อต่าง ๆ ดร. หลี่เป็นจักษุแพทย์อู่ฮั่นคนแรกที่แจ้งให้แพทย์รายอื่น ๆ ทราบเมื่อปลายเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 ในห้องสนทนาออนไลน์ เกี่ยวกับความร้ายแรงของการระบาดของไวรัสโคโรนาซึ่งเป็นปริศนาในขณะนั้น สองวันต่อมา ตำรวจจีนได้ควบคุมตัว ดร. หลี่และแพทย์อีกหลายราย โดยตำหนิกลุ่มแพทย์เหล่านั้นว่า “เผยแพร่ข่าวลือ” ตามรายงานของเนชันแนลพับบลิกเรดิโอ ในขณะที่ทำการรักษาผู้ป่วย ดร. หลี่ได้รับเชื้อและเสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบซึ่งเกิดจากไวรัสดังกล่าวในเวลาต่อมา เมื่อเวลา 7:00 น. หลังจากที่ ดร. หลี่เสียชีวิต แฮชแท็กดังกล่าวก็มีผู้เข้าชมมากกว่า 2 ล้านครั้งและมีโพสต์มากกว่า 5,500 โพสต์ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ หลังจากนั้นไม่นาน หน่วยเซ็นเซอร์ของรัฐบาลจีนได้ลบแฮชแท็กและโพสต์อื่น ๆ ในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเรียกร้องให้ฝ่ายปกครองเมืองอู่ฮั่นขอโทษ ดร. หลี่ที่พยายามปิดปากเขา

“ดร. หลี่เป็นบุคคลธรรมดา แต่ก็เป็นสัญลักษณ์” นายจาง ลี่ฝาน นักประวัติศาสตร์อิสระในกรุงปักกิ่ง กล่าวกับหนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันโพสต์ “หากไม่ใช่เพราะมีการระบาดใหญ่และไม่มีใครออกจากบ้านของตนเองได้ ตอนนี้น่าจะมีการเดินขบวนประท้วงไปแล้ว เจ้าหน้าที่ก็มีความกังวลอย่างยิ่ง”

จากการเสียชีวิตของ ดร. หลี่ ทำให้ ดร. หลี่กลายเป็นสัญลักษณ์ของการปกปิดข้อมูลของสาธารณรัฐประชาชนจีนเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาที่เกิดขึ้น ซึ่งภายหลังมีชื่อว่า โควิด-19 ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า การปิดปากแพทย์และประชาชนอื่น ๆ ของจีนอาจมีส่วนทำให้เชื้อไวรัสแพร่ระบาด รวมทั้งเพิ่มการเสียชีวิตและความเสียหายทางเศรษฐกิจจากการระบาด

ดร. หลี่ เหวินเหลียง สวมหน้ากากช่วยหายใจในโรงพยาบาลอู่ฮั่นหลายวันก่อนที่จะเสียชีวิตในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 รอยเตอร์

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฝ่ายปกครองเมืองอู่ฮั่นประเมินโรคนี้ต่ำเกินไป” ที่ปรึกษาอาวุโสของรัฐบาลกลางของจีนที่ไม่ประสงค์ออกนามกล่าวกับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 “นายกเทศมนตรีอู่ฮั่นไม่มีความเชี่ยวชาญหรือความเต็มใจที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ เขากังวลแค่ว่าการเพิ่มการป้องกันโรคอาจทำร้ายเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางสังคมในท้องถิ่น” โดยเสริมว่า “ในบรรยากาศทางการเมืองในปัจจุบัน ซึ่งให้ความสำคัญกับการเชื่อฟังมากกว่าความสามารถ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีแรงจูงใจที่จะปัดความรับผิดชอบ”

นอกจากนี้ อีกหลายคนยังเห็นว่า การเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีนก้าวก่ายการใช้แนวปฏิบัติด้านสุขภาพที่ดีในช่วงวิกฤตด้วย “เจ้าหน้าที่พรรคทุกระดับมีแนวโน้มตามสัญชาตญาณที่จะปกปิดข้อมูลเชิงลบ และเซ็นเซอร์มุมมองที่คัดค้านตน โดยไม่คำนึงถึงผู้ที่รับผิดชอบในรัฐบาลจีน” นาย จู๊ด แบลนเช็ตต์ นักวิเคราะห์จีนที่ศูนย์เพื่อความมั่นคงและนานาชาติศึกษา ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยที่ตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตันกล่าวกับไฟแนนเชียลไทมส์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 “แต่ภายใต้การปกครองของนายสี จิ้นผิง แนวโน้มการปิดบังข้อมูลทำให้กลายเป็นโรคเฉพาะถิ่น และในกรณีนี้ ทำให้เกิดการไม่ดำเนินการใด ๆ เป็นเวลานานจนทำให้เชื้อไวรัสแพร่ระบาด”

จนถึงปลายเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 ทางการอู่ฮั่นรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตน้อยกว่าความเป็นจริง และกล่าวย้ำกับประชาชนว่า การแพร่ระบาดจากมนุษย์สู่มนุษย์นั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ ตามที่แพทย์ในอู่ฮั่นเปิดเผยกับไฟแนนเชียลไทมส์ และหนังสือพิมพ์
อื่น ๆ แพทย์ในอู่ฮั่นยืนยันว่า ทางการจีนได้รับแจ้งเป็นเวลาหลายสัปดาห์ก่อนหน้าแล้วว่า ไวรัสมรณะชนิดนี้สามารถแพร่ระบาดระหว่างมนุษย์ได้อย่างแน่นอน ในการให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ทางการแพทย์หูซือเจีย นายจ้าว เจี้ยนผิง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอดของโรงพยาบาลถงจื้อในอู่ฮั่น กล่าวว่าตนวินิจฉัยผู้ป่วยต้องสงสัยว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาได้เร็วที่สุดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2562

“เราไม่ได้คาดคิดว่าโรคนี้จะรุนแรงขนาดนี้” นายจ้าวกล่าว “แต่เรามั่นใจว่าโรคนี้สามารถแพร่ระบาดจากมนุษย์ไปสู่มนุษย์ได้” นายจ้าวกล่าวว่า ตนได้รายงานสถานการณ์ไปยังศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคอู่ฮั่นทันที ตามรายงานของไฟแนนเชียลไทมส์

องค์การอนามัยโลกไม่ได้ประกาศการระบาดนี้ให้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ จนกระทั่งวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563 หลังจากที่ ดร. หลี่และนายจ้าวออกมาเตือนเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือน ซึ่งน่าจะมาจากการขาดความโปร่งใสของจีนเป็นส่วนใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ความล่าช้าดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อการเตรียมความพร้อมและการระดมทรัพยากรในวงกว้าง เพื่อต่อต้านการระบาดที่เริ่มขึ้นในอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อต้นเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 และจะแพร่ระบาดไปยังประเทศและดินแดนอื่นมากกว่า 68 แห่ง ซึ่งก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชนกว่า 88,365 คนเมื่อถึงวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2563

พลเมืองจีนแสดงความอาลัยแด่ ดร. หลี่ เหวินเหลียง ที่โรงพยาบาลของเขาในมณฑลหูเป่ยของจีนตอนกลางเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เอเอฟพี/เก็ตตี้อิมเมจ

สัปดาห์ก่อนที่องค์การอนามัยโลกจะดำเนินการ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าการระบาดดังกล่าวเกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้แล้ว นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังตั้งคำถามว่า จีนอาจไม่เพียงปิดบังข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกเท่านั้น แต่ยังหว่านล้อมการตัดสินใจขององค์การอนามัยโลกให้ชะลอการลงความเห็นในประเด็นดังกล่าว ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดลี่เมล หนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานว่า ในตอนที่องค์การอนามัยโลกประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ก็มีผู้คนติดเชื้อจากโรคดังกล่าวมากกว่า 9,500 คนและเสียชีวิตแล้ว 213 คน ตามข้อมูลตัวเลขจากจีน

นายหวง เหยียนจง นักวิชาการอาวุโสด้านสุขภาพโลกของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกล่าวกับหนังสือพิมพ์เดอะเดลี่เทเลกราฟ ในช่วงกลางเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 หลายสัปดาห์ก่อนที่องค์การอนามัยโลกจะลงความเห็นว่า “บรรลุเกณฑ์ในการประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศแล้ว” อย่างไรก็ตาม “ไม่ได้หมายความว่าทุกการตัดสินใจขององค์การอนามัยโลกนั้นอิงตามการพัฒนาด้านชีวภาพ” นายหวงกล่าว

จนถึงกลางเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 รัฐบาลจีนไม่สามารถระบุต่อสาธารณะได้แม้แต่แหล่งกำเนิดไวรัสอู่ฮั่น อีกทั้งยังปฏิเสธที่จะตอบคำถามสำคัญเกี่ยวกับการตรวจพบครั้งแรกและการแพร่ระบาดในระยะแรก การขาดความโปร่งใสอย่างต่อเนื่องของพรรคคอมมิวนิสต์จีนทำให้เกิดการคาดเดาว่า ไวรัสได้เล็ดลอดออกจากห้องปฏิบัติการชีวภาพของจีนในอู่ฮั่นโดยบังเอิญ หรือไม่ก็เป็นเพราะขั้นตอนความปลอดภัยที่ไม่เพียงพอในห้องปฏิบัติการดังกล่าว เดอะวอลล์สตรีท
เจอร์นัลรายงานว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าวหลายครั้ง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ

“เราทราบว่าไวรัสชนิดนี้มีต้นกำเนิดที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เราทราบว่ามีสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่นอยู่ห่างจากตลาดสดเพียงไม่กี่ไมล์ และยังมีอีกหลายเรื่องให้ทำความเข้าใจ” นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวกับฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2563 โดยอ้างถึงตลาดสดขายสัตว์ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพบางคนชี้ว่าไวรัสดังกล่าวเกิดขึ้นจากที่นั่นอย่างแน่นอน “เราต้องการให้รัฐบาลจีนเปิดเผยความจริง”

ปฏิกิริยาของผู้หญิงสวมหน้ากากคนหนึ่งขณะที่พนักงานกำลังทำความสะอาดตลาดดั้งเดิมในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เกาหลีใต้รายงานว่า มีผู้ป่วย 3,700 คนและมีผู้เสียชีวิต 21 คน ณ วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2563 รอยเตอร์

ค่าเสียหายที่ทะยานสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 อาจสายเกินไปที่จะหยุดการแพร่ระบาดอย่างมีนัยสำคัญ การระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนาได้เริ่มทำให้เครือข่ายการผลิตและห่วงโซ่อุปทานของจีนหยุดชะงัก พร้อมทั้งส่งผลกระทบระลอกใหญ่ต่อทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่สายการบินและการท่องเที่ยว ไปจนถึงผู้ผลิตรถยนต์ ยา และเทคโนโลยีทั่วโลก

บริษัทต่างประเทศ เช่น เทสลาและแอปเปิล ได้ระงับการดำเนินกิจการในจีนแล้วในตอนนั้น ตามรายงานของบลูมเบิร์กนิวส์ ผลกระ
ทบดังกล่าวยังแพร่ไปยังนอกประเทศจีนด้วย เช่น ฮุนไดของเกาหลีใต้ที่หยุดการผลิตรถยนต์เนื่องจากปัญหาการจัดหาชิ้นส่วนจากจีน

ในช่วงปลายเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์แล้วว่า ความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดในจีนเพียงประเทศเดียวอาจมีมูลค่าเกิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท) โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของจีนได้รับผลกระทบสูงสุด “การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศช่วงไตรมาสแรกของ พ.ศ. 2563 อาจอยู่ที่ประมาณร้อยละ 5 และเราไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่จะลดลงต่ำกว่าร้อยละ 5” นายจาง มิน เจ้าหน้าที่สถาบันสังคมศาสตร์ของจีนกล่าวกับไฉซิน หนึ่งในสื่อของจีนไม่กี่สำนักที่รัฐบาลจีนไม่ได้ควบคุมอย่างเข้มงวด นักเศรษฐศาสตร์รายอื่น ๆ เกรงว่า การเติบโตอาจชะลอตัวลงต่ำกว่าร้อยละ 4 โดยไม่มีการฟื้นตัวในทันที เศรษฐกิจของจีนเติบโตขึ้นร้อยละ 6 ใน พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ พ.ศ. 2535 เมื่อมีการจัดทำตารางข้อมูลขึ้นครั้งแรก

หนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ว่า ไวรัสโคโรนายังกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อในประเทศจีน โดยผลักดันให้ราคาผู้บริโภคในเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 สู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 8 ปี นอกจากนี้ นายหลิว เสวี่ยจื้อ นักเศรษฐศาสตร์ประจำแบงค์ออฟคอมมูนิเคชันของจีนกล่าวกับเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลว่า ข้อมูลใหม่นี้อาจไม่ได้บันทึกผลกระทบทางเศรษฐกิจที่แท้จริงจากการแพร่ระบาด

นักวิเคราะห์ได้ปรับการคาดการณ์ของตน ในขณะที่ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เป็นอันตรายยังคงแพร่กระจายไปยังประเทศอื่น ๆ ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 นักวิเคราะห์บางคนคาดการณ์ว่าผลกระทบจากทั่วโลกอาจมีมูลค่า 3 แสนล้าน ถึง 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 9.56 ล้านล้าน ถึง 12.75 ล้านล้านบาท) ในจำนวนนี้ นายพานอส คูเวลิส จากโรงเรียนธุรกิจโอลินแห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตันในเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี กล่าวว่า การระบาดดังกล่าวอาจทำให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงักเป็นเวลา 16 เดือนถึง 2 ปี “จนกว่าจะไม่เห็นผลกระทบเหล่านี้ในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก”

ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศจีนได้คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 1,300 คนและมีผู้ติดเชื้อเกือบ 60,000 คนทั่วโลก แม้ว่าส่วนใหญ่จะอยู่ในประเทศจีน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือ โรคซาร์ส ที่ระบาดใน พ.ศ. 2545-2546 ที่คร่าชีวิตผู้คนกว่า 774 คนและมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 8,000 คนทั่วโลก โรคซาร์สทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจทั่วโลกระหว่าง 3 หมื่นล้าน ถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 9.35 แสนล้าน ถึง 1.56 ล้านล้านบาท) ซึ่งเป็นส่วนน้อยของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศทั่วโลกในขณะนั้น ที่อยู่ที่ประมาณ 35 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.10 พันล้านล้านบาท) ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน ผลกระทบของไวรัสโคโรนาต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกอาจมากกว่าผลกระทบจากซาร์สหลายเท่า นายคูเวลิส
กล่าว

“แม้ว่าไวรัสจะไม่กลายเป็นการระบาดใหญ่ แต่การคิดว่าไวรัสจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนั้นเป็นเรื่องไร้เหตุผล” นายสก็อต ไมเนิร์ด ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศสากลของกุกเกนไฮม์อินเวสเมนต์ ระบุในบันทึกการวิจัยเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ตามรายงานของนิตยสารยู.เอส. นิวส์แอนด์เวิลด์รีพอร์ต “ผลกระทบจากทั้งหมดนี้ต่อกำไรขององค์กรและกระแสเงินสดอิสระจะร้ายแรงมาก”

ตลาดหุ้นสั่นคลอน

ตลาดหุ้นและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกก็เริ่มปรับตัวลดลงตามที่การระบาดครั้งนี้ดำเนินไป โดยส่วนใหญ่เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตสุขภาพดังกล่าว บีบีซีรายงานว่า ตลาดของจีนมีมูลค่าลดลงร้อยละ 8 ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นวันแรกหลังวันหยุดช่วงตรุษจีน ทั้งนี้ ตลาดอื่น ๆ จะลดลงตามไปในไม่ช้า ตลาดหลักอื่น ๆ ของเอเชีย ซึ่งรวมถึงตลาดในฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวันทั้งหมดต่างก็ได้รับผลกระทบ ตลาดยุโรปก็ลดลงเช่นกัน

แม้ว่าในช่วงแรกจะยังทรงตัวอยู่ แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะต้องเผชิญกับการปรับฐานตลาดที่เป็นผลจากไวรัสดังกล่าวในไม่ช้า เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์สร้างสถิติตกลงเป็นจำนวนจุดที่มากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในวันเดียว ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เห็นได้ว่า หุ้นสหรัฐฯ ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินใน พ.ศ. 2551 ตามลำดับการปรับฐานในช่วงร้อยละ 10 และนักวิเคราะห์ยังเริ่มขยายระยะเวลาการคาดการณ์เชิงลบของจีนจากไตรมาสแรกเป็นสองไตรมาสแรกของ พ.ศ. 2563 นายสตีเฟน โรช นักวิชาการอาวุโสแห่งมหาวิทยาลัยเยล กล่าวกับสควอว์กบ็อกซ์ของซีเอ็นบีซีเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ว่า “ตอนนี้เศรษฐกิจจีนยังไม่กระเตื้องขึ้น” “ผลกระทบจากการกักตัวและการจำกัดการเดินทางที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้เศรษฐกิจจีนเกือบจะหยุดนิ่งในขณะนี้”

นายโรช ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศจีนตั้งแต่ พ.ศ. 2550 จนถึง 2555 ในระหว่างดำรงตำแหน่งประธานของบริษัทมอร์แกน สแตนลีย์ เอเชีย กล่าวว่า ตนหวังว่ารัฐบาลจีนจะยังคงทำงานเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาต่อไป แม้ว่าจะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจในระยะสั้นก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 ไวรัสโคโรนายังคงแพร่ระบาดไปทั่วโลกในอัตราที่น่ากลัว โดยเข้าจู่โจมอิตาลี สเปน และสหรัฐฯ รุนแรงกว่าจีน รวมถึงมีการติดเชื้อในประเทศและดินแดนต่าง ๆ 179 แห่ง ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์สร้างสถิติมากขึ้น โดยขยับเข้าสู่ช่วงขาลงและลดฮวบลงร้อยละ 10 ในวันที่ 21 มีนาคม ซึ่งเป็นจำนวนร้อยละที่แย่ที่สุดซึ่งลดลงในวันเดียวนับตั้งแต่เหตุการณ์ตลาดหุ้นตกรุนแรงใน พ.ศ. 2530 หลังจากถึงจุดต่ำสุดในวันที่ 23 มีนาคมที่ระดับต่ำกว่าช่วงต้นปีที่ร้อยละ 42 ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 ในช่วงสามวัน ซึ่งเป็นกำไรร้อยละช่วงสามวันที่มากที่สุดสำหรับดัชนีนี้นับตั้งแต่ พ.ศ. 2474 ตามรายงานของ เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล

ภายในช่วงปลายเดือนมีนาคม มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนามากกว่า 870,000 คนทั่วโลกและเสียชีวิตจากโรคนี้มากกว่า 43,000 คน สหรัฐฯ มีจำนวนผู้ป่วยกว่า 189,000 คน อิตาลีกว่า 105,000 คน และสเปนกว่า 100,000 คน เทียบกับจีนที่มีผู้ป่วยกว่า 82,000 คนจนถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2563 ผู้เสียชีวิตในฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และสหรัฐฯ ยังมีจำนวนมากกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตที่รายงานในประเทศจีนในขณะนั้นอีกด้วย ขณะเดียวกัน ดัชนีดาวโจนส์ประสบกับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยสูญเสียมูลค่ามากกว่าร้อยละ 22 ในช่วงสามเดือนแรกของ พ.ศ. 2563 ตามรายงานของซีเอ็นบีซี เอสแอนด์พี 500 น่าจะทำสถิติไตรมาสแรกที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ พ.ศ. 2481

โดยจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อเข้าสู่เดือนเมษายน พ.ศ. 2563 ความผันผวนในสหรัฐฯ และตลาดอื่น ๆ ยังคงดำเนินต่อไปในเดือนเมษายน เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดที่ไม่คาดคิด แม้ว่าบริษัทการลงทุนโกลด์แมนแซคส์คาดการณ์ว่า ในช่วงปลายเดือนมีนาคมเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะประสบกับการตกต่ำลงเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสที่สอง แต่บริษัทกล่าวว่า การฟื้นตัวจะเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ ตามรายงานของซีเอ็นบีซี

ยอดค่าเสียหายที่ไม่มีขีดจำกัด

ดัชนีและการคาดการณ์เศรษฐกิจที่น่าเป็นห่วงนี้ ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของนโยบายสาธารณสุขและหลักธรรมาภิบาลที่ดี รวมทั้งแสดงให้เห็นว่า ความล้มเหลวในแต่ละส่วนไม่เพียงส่งผลสู่ความเสียหายทางเศรษฐกิจ แต่ยังรวมถึงการสูญเสียชีวิตด้วย

ผู้เชี่ยวชาญหลายรายลงความเห็นว่า จีนสามารถลดค่าเสียหายเหล่านี้ลงได้ด้วยการแบ่งปันข้อมูลที่ถูกต้องอย่างเปิดเผยและรวดเร็วกับพลเมืองของตนและทั่วโลก ไม่มีใครสามารถระบุได้ว่ามีกี่ชีวิตรวมทั้งทรัพย์สินและรายได้กี่พันล้านหรือกระทั่งล้านล้านที่อาจคุ้มครองไว้ได้ หากจีนเปลี่ยนวิธีดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องกันว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่ร้ายแรงจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะในประเทศจีน นักวิเคราะห์เห็นพ้องกันว่า ค่าเสียหายทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับความสามารถอย่างต่อเนื่องของจีนในการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว วิธีการจัดการกับการชะลอตัวที่เกิดขึ้น และการยอมรับผิดชอบต่อการดำเนินการผิดพลาดครั้งแรกของจีน

“การผ่อนปรนข้อจำกัดในการกักตัวและการเดินทางก่อนกำหนด อาจนำไปสู่การระบาดซ้ำที่จะเป็นอันตรายมากยิ่งกว่าการระบาดในปัจจุบัน” นายโรชกล่าวกับซีเอ็นบีซีเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 “ชาวจีนคงจะต้องการหลีกเลี่ยงเหตุการณ์นั้นในทุกกรณี นั่นเป็นเรื่องสำคัญสำหรับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกที่การติดเชื้อกำลังอยู่ในช่วงแพร่ระบาดอย่างชัดเจนในขณะนี้” นายโรชกล่าว

รัฐบาลประเทศต่าง ๆ รวมถึงจีนเองกำลังเปิดตัวแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อช่วยชดเชยผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาด อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านั้นอาจไม่เพียงพอที่จะเยียวยาผลกระทบของมาตรการที่รุนแรง ซึ่งต้องดำเนินการเพื่อหยุดยั้งการระบาดใหญ่เมื่อมีการแพร่กระจายเกิดขึ้น “โดยพื้นฐานแล้ว มาตรการเหล่านี้ไม่มีผลกับการดำเนินการตามนโยบาย” นายโรชกล่าว “สิ่งที่นโยบายการคลังและการเงินสามารถทำได้คือการพยายามสร้างเสถียรภาพให้แก่ตลาด ซึ่งแน่นอนว่ามีความสำคัญ แต่ที่สำคัญที่สุดคือการรับประกันว่าการฟื้นตัวที่ตามมานี้จะเป็นไปในด้านบวก เมื่อเศรษฐกิจของจีนและที่อื่นกลับสู่สถานการณ์ปกติ ดังนั้น จึงมีการพยายามใช้ประโยชน์จากอีกด้านหนึ่งของผลกระทบที่เกิดจากไวรัส ซึ่งไม่ใช่ด้านลบ”

ไม่มีมาตรการใดที่จะชดเชยให้แก่การสูญเสียชีวิตและเสรีภาพของมนุษย์ได้ โศกนาฏกรรมที่แท้จริงคือ จีนมีอำนาจชดเชยความสูญเสียดังกล่าว แต่กลับให้ความสำคัญกับวาระของพรรคคอมมิวนิสต์มากกว่าสิทธิและสุขภาพของพลเมือง ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ทำให้ทั่วโลกมีความเสี่ยงเช่นกัน

“หลายคนเชื่อว่า หากทางการรับฟังคำเตือนของ ดร. หลี่ ไวรัสจะไม่แพร่ระบาดอย่างที่เป็นอยู่” นายเคอิจิ ทาคามุระ ผู้สื่อข่าว เขียนลงในเว็บไซต์เอ็นเอชเค เวิลด์ ออนไลน์ ซึ่งเป็นสำนักข่าวรัฐวิสาหกิจระหว่างประเทศของญี่ปุ่นเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

เมื่อ ดร. หลี่เสียชีวิต คำวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนทางออนไลน์ก็เกิดขึ้นทั่วโลก จีนพยายามปกปิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว โดยแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของ ดร. หลี่ และเริ่มการสืบสวนเกี่ยวกับการรับมือกับการระบาดของทางการอู่ฮั่น แม้ว่าจะมีแรงจูงใจจากการขับเคลื่อนเครื่องจักรโฆษณาชวนเชื่อของจีน แต่ขั้นตอนเล็ก ๆ เหล่านี้ดูเหมือนจะบ่งชี้ให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวบางอย่างที่มุ่งไปที่การรับฟังความกังวลของพลเมือง ให้ความสำคัญกับความโปร่งใส และการปกครองที่ดีขึ้น

ก่อนที่จะเสียชีวิต ดร. หลี่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการแจ้งข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการระบาดต่อสาธารณชนแทนที่จะเป็นการลงโทษเขา ตามรายงานของเนชันแนลพับบลิกเรดิโอ ในการให้สัมภาษณ์กับนิตยสารออนไลน์ไฉซิน ดร. หลี่กล่าวว่า “สังคมที่มีสุขภาพดีไม่ควรมีกระบอกเสียงเพียงประเภทเดียว”

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button