ติดอันดับ

การทดลองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่จีนดำเนินการ สร้างความกังวลในด้านกับดักหนี้ใหม่และด้านสิทธิมนุษยชน

สาธารณรัฐประชาชนจีนกำลังพยายามดำเนินการสิ่งที่เรียกว่า การทูตวัคซีน โดยการขยายเงินกู้และให้สิทธิการใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ตามที่สัญญาไว้กับประเทศกำลังพัฒนา เพื่อแลกกับการเข้าร่วมในการทดลองขนาดใหญ่

เช่น เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2563 จีนได้ประกาศให้เงินกู้ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.1 หมื่นล้านบาท) แก่ประเทศในแถบลาตินอเมริกาและแคริบเบียนสำหรับจ่ายเพื่อรับสิทธิ์การใช้วัคซีนที่จีนผลิต ตามการรายงานของหนังสือพิมพ์ดิอินดีเพนเดนต์

การปฏิบัติดังกล่าวกำลังสร้างความกังวลใหม่ในด้านกับดักหนี้และจริยธรรมทางการแพทย์ โดยนักวิเคราะห์บางคนแย้งว่า การกระทำดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งความพยายามของจีนที่จะสร้างอิทธิพลและควบคุมประเทศต่าง ๆ ผ่านการให้เงินกู้ยืมสำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่ดำเนินการไม่สำเร็จ การเสนอ “เงินกู้ยืมแก่ผู้มีสิทธิพิเศษ” แลกกับวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา จะทำให้ประเทศที่เปราะบางติดหนี้จีนมากขึ้น ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์

นักวิเคราะห์คนอื่น ๆ สงสัยว่า จีนกำลังใช้ประชากรในประเทศกำลังพัฒนาเป็นกลุ่มทดลอง โดยไม่มีการควบคุมความปลอดภัยที่เพียงพอหรือไม่

“ผมหวังจริง ๆ ว่าจีนและรัสเซียจะทดสอบวัคซีนของตนก่อนที่จะให้วัคซีนแก่คนอื่น” ดร. แอนโทนี ฟอซี เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านโรคติดเชื้อของสหรัฐฯ กล่าวในคำให้การต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ตามการรายงานของเอเจนซ์ ฟรานซ์-เพรส “คำกล่าวอ้างว่ามีวัคซีนพร้อมสำหรับแจกจ่ายก่อนทำการทดสอบนั้น ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่สร้างปัญหามากที่สุด”

โดยปกติแล้ว การวิจัยวัคซีนต้องใช้เวลานานหลายปี และต้องมีการทดสอบก่อนที่จะถึงขั้นตอนการทดลองทางคลินิก แต่บรรดานักวิทยาศาสตร์ต่างกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพภายใน พ.ศ. 2564 จนถึงกลางเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2563 มีวัคซีนมากกว่า 165 ชนิดที่ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาต่าง ๆ โดยมีวัคซีน 31 ชนิดกำลังทำการทดลองในมนุษย์ หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์รายงาน

รัสเซียเป็นประเทศแรกที่อนุมัติวัคซีนป้องกันโควิด-19 ภายใต้ชื่อ สปุตนิค วี สำหรับตลาดต่างประเทศ รัสเซียอ้างว่า จะมีวัคซีนสองชนิดที่พร้อมใช้งานภายในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2563 แต่ยังไม่ได้เผยแพร่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพของวัคซีนนั้น ตามรายงานของเอเจนซ์ ฟรานซ์-เพรส

ประเทศต่าง ๆ มักจะมีมาตรฐานการทดลองทางคลินิกที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้ประเด็นนี้มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังกังวลว่า จะไม่มีการป้องกันที่เพียงพอเพื่อบรรเทาความเสี่ยง

ก่อนหน้านี้ จีนได้ผลิตวัคซีนที่มีความบกพร่องและจัดทำข้อมูลการวิจัยที่น่าสงสัย เช่น เรื่องอื้อฉาวด้านความปลอดภัยที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับวัคซีนที่ไม่ได้มาตรฐานและล้าสมัย โดยมีการจำหน่ายและแจกจ่ายวัคซีนดังกล่าวเพื่อฉีดป้องกันแก่เด็กโดยบริษัทของภาครัฐอย่างสถาบันยาชีววัตถุอู่ฮั่นและบริษัทยาฉางชุน ฉางเซิง ซึ่งเหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดกระแสการประท้วงในจีนจากผู้ปกครองของเด็กที่ได้รับวัคซีนที่มีความบกพร่องดังกล่าว

“แน่นอนว่าจะมีความกังวลที่สมเหตุสมผล เมื่อคำนึงถึงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวของวัคซีนในประเทศจีนที่เราเคยเจอ” นายหวง เหยียนจง นักวิชาการอาวุโสด้านสุขภาพโลกของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในนิวยอร์ก กล่าวกับเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์

ประเทศเกิดใหม่หลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่มีความยากลำบากจากกรณีที่รุนแรง ต่างรู้สึกถึงแรงกดดันจึงต้องเข้าร่วมในการทดลองทางคลินิกเพื่อที่ประเทศของตนจะได้ไม่ถูกปฏิเสธสิทธิการใช้วัคซีนตัวแรก เม็กซิโกตกลงเข้าร่วมในการทดลองทางคลินิกของวัคซีนสองครั้ง ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทคานซิโน ไบโอโลจิกส์ และบริษัทวอลแวกซ์ ไบโอเทคโนโลยี ของจีน

ณ วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เม็กซิโกรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่า 57,000 ราย ซึ่งจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่อันดับสามของโลก และอันดับที่ 13 หากนับรายคน ตามรายงานของมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์จอห์นฮอปกินส์

บริษัท ซิโนวัค ไบโอเทค ของจีนได้เริ่มการทดลองทางคลินิกในอินโดนีเซียสำหรับวัคซีนโคโรนาวัค (ในภาพ) ซึ่งใช้ไวรัสดังกล่าวในสภาพที่ไม่มีชีวิต ดิแอสโซซิเอทเต็ดเพรสรายงาน อินโดนีเซียได้คัดเลือกอาสาสมัครมากกว่า 1,600 คนเพื่อเข้าร่วมการทดลองวัคซีนภายใต้ข้อตกลงนี้

ดิแอสโซซิเอทเต็ดเพรสรายงานว่า บริษัทซิโนวัควางแผนการทดลองที่คล้ายกันในบังกลาเทศ บราซิล และอินเดีย

แม้ว่าโดยทั่วไปนักวิจัยจะเชื่อว่าไวรัสโคโรนามีจุดเริ่มต้นมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน แต่ยังคงมีคำถามว่าไวรัสโคโรนานี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และเกี่ยวข้องกับความประมาทเลินเล่อหรือการกระทำอันมิชอบหรือไม่ คำถามที่ค้างคาใจเหล่านี้ยังนำไปสู่การประณามการทูตวัคซีนของจีน แต่นักวิจารณ์บางคนโต้แย้งว่า อย่างน้อยที่สุด ก็เป็นการกระทำเพื่อปกปิดความผิดของจีนเรื่องการระบาดใหญ่ครั้งนี้

“หากจีนใช้ ‘การทูตวัคซีน’ การกระทำนี้จะช่วยแสดงให้เห็นถึงอำนาจอ่อนของจีน” นายหวงกล่าวกับเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button