ติดอันดับ

กองทัพเรือสหรัฐฯ เสริมกำลังในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ซึ่งถูกมองว่าเป็นคำเตือนถึงจีน

ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

เรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ 3 ลำลาดตระเวนในน่านน้ำอินโดแปซิฟิกเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสามปี ซึ่งเป็นการปรากฏตัวอย่างยิ่งใหญ่ของกองทัพเรือในภูมิภาคจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ กับสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงเป็นสัญญาณว่ากองทัพเรือคืนสู่สภาพปกติจากวันที่เลวร้ายที่สุดของการระบาดของไวรัสโคโรนา

การปรากฏตัวพร้อมกันของเรือรบทั้งสามลำที่มาพร้อมกับเรือลาดตระเวนของกองทัพเรือ เรือพิฆาต เครื่องบินขับไล่ และเครื่องบินอื่น ๆ ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ วิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นเกี่ยวกับการตอบสนองของจีนต่อการระบาดของโควิด-19 การเคลื่อนไหวของจีนที่จะบังคับให้มีการควบคุมฮ่องกงมากขึ้น และการรณรงค์เพื่อจัดกำลังทางทหารในลักษณะที่มนุษย์สร้างขึ้นในทะเลจีนใต้

“มีข้อบ่งชี้บางประการในเอกสารของจีนว่า สหรัฐอเมริกาได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 ซึ่งทำให้การเตรียมความพร้อมทางทหารอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น อาจมีความพยายามที่จะส่งสัญญาณถึงจีนว่าไม่ควรคาดการณ์แบบผิด ๆ” นางบอนนี เกลเซอร์ ผู้อำนวยการโครงการอำนาจจีน แห่งศูนย์ยุทธศาสตร์และนานาชาติศึกษา ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กล่าว “จีนจะแสดงออกอย่างชัดเจนว่า นี่เป็นตัวอย่างของการยั่วยุของสหรัฐฯ และเป็นหลักฐานว่าสหรัฐฯ เป็นบ่อเกิดของความไม่มั่นคงในภูมิภาค”

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประณามจีนในสิ่งที่ตนเห็นว่าเป็นความล้มเหลว เพื่อเตือนทั่วโลกอย่างเหมาะสมเกี่ยวกับภัยคุกคามจากโควิด-19 นอกจากนี้ คณะรัฐบาลของนายทรัมป์ยังเคลื่อนไหวเพื่อสั่งห้ามนักศึกษาและนักวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาของจีนที่มีการเชื่อมโยงกับกองทัพปลดปล่อยประชาชนหรือบริการด้านความมั่นคงของจีนไม่ให้เข้าสหรัฐอเมริกา

การรวมตัวกันของกองเรือบรรทุกเครื่องบินจู่โจม 3 กองในภูมิภาคนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ เนื่องจากจำนวนเรือบรรทุกเครื่องบินที่จำกัดและความจริงที่ว่าเรือบรรทุกเครื่องบินเหล่านั้นมักจะใช้เวลาเดินทางเกินกำหนดการซ่อมแซม เทียบท่า การฝึก หรือการปรับใช้ในที่อื่น อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 ผู้บัญชาการกองทัพเรือกล่าวว่า กองทัพสามารถใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการแข่งขันทางด้านอำนาจครั้งยิ่งใหญ่กับจีน

ยุทธศาสตร์กลาโหมแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวว่า จีนเป็นความกังวลด้านความมั่นคงสูงสุด และผู้นำกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ทำงานเพื่อเคลื่อนย้ายทรัพยากรและทรัพย์สินทางทหารไปยังภูมิภาคนี้มากขึ้น เพื่อต่อสู้กับสิ่งที่เล็งเห็นว่าอาจเป็นอิทธิพลทางเศรษฐกิจและกำลังทหารที่เพิ่มขึ้นของจีน

“ความสามารถในการดำรงอยู่อย่างแข็งแกร่งเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน และอย่างที่ผมบอกคนของผมเสมอว่า ในระหว่างการแข่งขัน คุณต้องอยู่กับปัจจุบันเพื่อเอาชนะ” พล.ร.ต. สตีเฟน โคห์เลอร์ ผู้อำนวยการปฏิบัติการที่กองบัญชาการสหรัฐฯ กล่าว “เรือบรรทุกเครื่องบินและกองเรือบรรทุกเครื่องบินจู่โจมที่มีขนาดใหญ่เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจกองทัพเรือสหรัฐฯ ผมค่อนข้างตื่นเต้นที่เรามีกองเรือทั้งสามกองในขณะนี้”

จีนกำลังสร้างด่านหน้าทางการทหารอย่างมีแบบแผนในทะเลจีนใต้ โดยวางระบบขีปนาวุธและระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ในด่านแห่งนั้น พล.ร.ต. โคห์เลอร์กล่าว สหรัฐฯ รวมถึงแนวร่วมและพันธมิตรอื่น ๆ ในภูมิภาคได้เสริมกำลังการดำเนินงานใกล้เคียงกับคุณสมบัติที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อพยายามหยุดยั้งการพัฒนาของจีนแต่ไม่ปรากฏว่าได้ผล

ล่าสุด พล.ร.ต. โคห์เลอร์กล่าวว่า จีนนำอากาศยานไปยังแนวปะการังเฟียรีครอส เกาะสแปรตลี และตอนนี้กำลังปฏิบัติการอยู่ที่นั่น

เมื่อเร็ว ๆ นี้ กองเรือจู่โจมของสหรัฐฯ กระจายอยู่ทั่วภูมิภาคอินโดแปซิฟิก โดยเรือยูเอสเอส ธีโอดอร์ รูสเวลต์ และกองเรือจู่โจมปฏิบัติการในทะเลฟิลิปปินส์ใกล้กับกวม กองเรือจู่โจมยูเอสเอส นิมิตซ์ ในมหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณนอกชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ และเรือยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน ที่ออกจากท่าเรือในญี่ปุ่นเพื่อปฏิบัติการในทะเลฟิลิปปินส์ทางใต้ของที่นั่น ผู้บัญชาการกองทัพเรือชี้ให้เห็นอย่างรวดเร็วว่าเรือของกองทัพเรืออื่น ๆ หลายสิบลำได้ปฏิบัติการรอบ ๆ แปซิฟิก แต่กองเรือจู่โจมสามกองเป็นที่โจษจันถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ต่อภูมิภาคและพันธมิตร (ภาพ: เครื่องบินเอฟ/เอ-18 ซูเปอร์ฮอร์เน็ต ซึ่งเข้าร่วมฝูงบินขับไล่จู่โจม “อีเกิลส์” 115 ฝึกปฏิบัติการจู่โจมบนลานบินของเรือบรรทุกเครื่องบินส่วนหน้าของกองทับเรือสหรัฐฯ ยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2563 ในทะเลฟิลิปปินส์)

เรือเหล่านี้จะยังคงทำงานร่วมกับแนวร่วมและพันธมิตรในภูมิภาค ดำเนินการฝึกและลาดตระเวนในภูมิภาคที่มีการแข่งขัน ตามรายงานของ พล.ร.ต. โคห์เลอร์ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญประการหนึ่งคือความสามารถในการเทียบท่าเรือของต่างประเทศ

ส่วนใหญ่แล้วการเทียบท่าจะถูกจำกัด เว้นแต่เพื่อรับเสบียงที่จำเป็น จนถึงขณะนี้ กวมได้รับการกำหนดให้เป็นท่าเรือที่ปลอดภัยแห่งเดียวสำหรับจุดเทียบท่าในมหาสมุทรแปซิฟิก และกะลาสีมีเสรีภาพจำกัดในการเดินทางไปยังท่าเรือ รวมถึงไม่สามารถเดินทางได้อย่างอิสระในเมืองเนื่องจากขั้นตอนด้านความปลอดภัยท่ามกลางความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับโควิด-19 ทั้งนี้ ผู้นำกองทัพเรือกำลังมองหาสถานที่ปลอดภัยแห่งอื่น ๆ

พล.ร.ต. โคห์เลอร์ กล่าวว่า นี่เป็น “วิถีชีวิตใหม่” และแม้ว่าจะยังไม่มีแนวโน้มให้กองเรือบรรทุกเครื่องบินจู่โจม 3 กองดำเนินงานอย่างต่อเนื่องในมหาสมุทรแปซิฟิกในระยะยาวแต่ก็ “เป็นสิ่งที่ทำได้เมื่อเราต้องการ”

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button