เครือข่ายความรู้
ภาคการทหารและความมั่นคงได้ผสานรวมระบบป้องกัน ทำให้แพลตฟอร์มสื่อ สังคมออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานประจำวัน
นางแมรี มาร์โควิโนวิช/ศูนย์เอเชียแปซิฟิก แดเนียล เค. อิโนะอุเอะ เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคง
เกือบครึ่งหนึ่งของประชากรโลกใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นประจำทุกวัน ตามรายงานดิจิทัล พ.ศ. 2562 ของ WeAreSocial.com ซึ่งเป็นหน่วยงานสื่อสังคมออนไลน์ระดับโลกที่ติดตามการใช้งานทั่วโลก ขณะที่การเชื่อมต่อส่วนบุคคลยังคงเป็นเหตุผลอันดับต้น ๆ ในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ แต่ด้านอื่น ๆ อย่างการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และการวิจัยเติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ดังแสดงให้เห็นจากการศึกษาใน พ.ศ. 2561 โดยบริษัทวิจัยตลาดโกลบอลเว็บอินเด็กซ์
“มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและค่อยเป็นค่อยไปเกิดขึ้น ซึ่งการแบ่งปันส่วนบุคคลจะกลายเป็นเหมือนเครื่องเคียงมากกว่าอาหารจานหลัก” นางสาวโอลิเวีย วาเลนไทน์ นักวิเคราะห์เชิงลึกของโกลบอลเว็บอินเด็กซ์ กล่าว “ซึ่งปัจจุบันนี้ถือเป็นกิจกรรมที่ขับเคลื่อนโดยเป้าหมาย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะอยู่นอกเวทีทางสังคมที่ดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้ามา”
เมื่อสงครามอิสราเอลและฮามาสพุ่งพรวดเข้าสู่ทวิตเตอร์ใน พ.ศ. 2555 ภาคการทหารและความมั่นคงก็เริ่มหันมาใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือในการดำเนินงาน ซึ่งแพลตฟอร์มออนไลน์ได้กลายเป็นสนามรบอีกแห่งหนึ่งดังที่ได้อธิบายไว้ในหนังสือไลก์วอร์: การใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นอาวุธ โดย พี.ดับเบิลยู. ซิงเกอร์ และ อีเมอร์สัน ที. บรูคกิง
“อินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนแปลงสงครามและการเมืองโดยมีสื่อสังคมออนไลน์เป็นอาวุธ เช่นเดียวกับที่สงครามและการเมืองกำลังเปลี่ยนแปลงอินเทอร์เน็ต” เว็บไซต์ของไลก์วอร์ระบุ “ผู้ก่อการร้ายสตรีมสดการโจมตี ‘สงครามทวิตเตอร์’ สร้างผู้บาดเจ็บในโลกแห่งความเป็นจริง และข้อมูลที่ถูกบิดเบือนซึ่งแพร่สะพัดไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ต สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผลของการต่อสู้ เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น หากเป็นชะตากรรมของประเทศต่าง ๆ ด้วย ผลที่ได้คือ สงคราม เทคโนโลยี และการเมืองกลายเป็นสมรภูมิรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นบนสมาร์ทโฟนของเรา”
สื่อสังคมออนไลน์เป็นอาณาเขตของสำนักงานกิจการสาธารณะมานานแล้ว อย่างไรก็ตาม ความจำเป็นในการแบ่งปันหรือรวบรวมข้อมูลได้ขยายไปยังพื้นที่ปฏิบัติการอื่น ๆ เพื่อครอบคลุมการดำเนินงานด้านข้อมูล ข่าวกรอง ตลอดจนการจัดการภัยพิบัติและวิกฤต ด้วยการนำไปใช้งาน และแม้กระทั่งการใช้ข้อมูลเป็นอาวุธ ความสามารถในการล้างข้อมูลสำหรับการเผยแพร่สู่สาธารณะนั้นเกินขอบเขตของกิจการสาธารณะ
แม้ว่าจะมีข้อกังวลและความเสี่ยงเรื่องความถูกทำนองคลองธรรมเกี่ยวกับการใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารหลัก แต่ข้อดีที่องค์กรได้รับมีมากกว่าข้อกังวลเหล่านั้น สื่อสังคมออนไลน์ไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่จะหายไปในอนาคตอันใกล้ ดังนั้น หากนำไปใช้อย่างถูกต้องอาจเป็นสิ่งที่ทำให้อำนาจทวีคูณยิ่งขึ้น
ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดเกิดจากการขาดการวางแผน
ด้วยการใช้งานข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการจัดการภัยพิบัติหรือการต่อต้านการก่อการร้ายนั้น กระบวนการมอบอำนาจในการล้างข้อมูลสำหรับเผยแพร่สู่สาธารณะในเวลาที่เหมาะสมอาจเกินกำลังของสำนักงานกิจการสาธารณะซึ่งมีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ สำนักงานกิจการสาธารณะส่วนใหญ่จะไม่มีเจ้าหน้าที่คอยติดตาม ดูแล และวิเคราะห์ข้อมูลในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์หลายช่องทาง เพื่อรองรับการปฏิบัติหน้าที่เพิ่มเติมเหล่านี้
ณ การประชุมเกี่ยวกับสื่อสังคมออนไลน์ในภาคการทหารและการป้องกันในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2561 ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารดิจิทัลของกองทัพบกสหรัฐฯ ระบุว่า “คุณจะไม่ส่งทหารไปรบโดยปราศจากปืนไรเฟิล” ขณะที่ได้อธิบายถึงความสำคัญของการฝึกสำหรับทหารที่ทำงานกับบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ
การวางแผนและการฝึกอบรมที่ชัดเจนเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของการปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวางแผนใช้สื่อสังคมออนไลน์และแอปฯ อื่น ๆ สำหรับโปรแกรมทางทหารหรือความมั่นคง จึงจำเป็นต้องพิจารณาสิ่งต่อไปนี้
• เป้าหมายของคุณคืออะไร
• ความคาดหวังของผู้ชมในด้านคุณภาพและวิธีการส่งมอบข้อมูลคืออะไร
• คุณจะก้าวข้ามข้อจำกัดในเรื่องทรัพยากรเพื่อตอบสนองเป้าหมายและความคาดหวังเหล่านี้ได้อย่างไร
• คุณจะมีส่วนร่วมกับผู้ชมของคุณอย่างไร
• คุณจะเอาชนะอุปสรรคด้านภาษาได้อย่างไร
• คุณจะเปิดใช้งานโปรแกรมนี้กับผู้ใด คุณจะจัดให้มีการฝึกอบรมเรื่องใด
• คุณต้องวางนโยบายและกำหนดกระบวนการใดบ้าง คุณจะพัฒนากระบวนการที่มีประสิทธิภาพเพื่ออนุมัติการเผยแพร่ข้อมูลในเวลาที่เหมาะสมได้อย่างไร
• คุณจะรักษาความปลอดภัยของบัญชีเพื่อลดความเสี่ยงจากแฮกเกอร์อย่างไร
• คุณจะวัดและติดตามผลประสิทธิภาพของโปรแกรมอย่างไร
ความยืดหยุ่นเป็นกุญแจสำคัญ
เฟซบุ๊กเป็นผู้นำภูมิประเทศทางสังคมทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง และยังคงมีบทบาทเด่นในประเทศต่าง ๆ เช่น พม่า อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตาม คนหนุ่มสาวจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ หันไปใช้อินสตาแกรมและสแนปแชทแทนการใช้เฟซ บุ๊ก นอกจากนี้ หลายคนยังเลี่ยงการใช้กูเกิลแล้วใช้ยูทูบเป็นเครื่องมือค้นหาหลัก ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่าการผลิตวิดีโอที่มีคุณภาพมีความสำคัญพอ ๆ กับข้อความที่เขียนในโลกเสมือนจริง
แพลตฟอร์มดังกล่าวถูกห้ามในประเทศจีน ซึ่งมีเทนเซ็นต์เป็นแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์หลักที่ยังคงผสานเข้ากับชีวิตประจำวันของผู้คน สิ่งที่ตามมาด้วยคือการขออนุมัติจากรัฐบาลให้ใช้งานแพลตฟอร์มดังกล่าว รวมถึงการติดตามจากรัฐบาล เนื่องจากข้อจำกัดดังกล่าวเกี่ยวกับวิธีใช้ข้อมูลของประชากรบางกลุ่ม จึงต้องให้ความสำคัญไม่เพียงกับการทำความเข้าใจผู้ชมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสถานที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่ทั้งทางกายภาพและเสมือนจริงด้วย
ทำให้ข้อความของคุณเป็นที่รับรู้
แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์จำนวนมากค้นพบวิธีสร้างรายได้จากกระแสข้อมูล ด้วยเหตุนี้การโพสต์ธรรมดา ๆ ในหน้าเฟซบุ๊กจึงอาจมีผลกระทบน้อยหรือไม่มีเลย โพสต์เหล่านี้จะไม่ปรากฏในฟีดข่าวของบุคคลอื่นโดยอัตโนมัติอีกต่อไป แม้ว่าจะเป็นผู้ติดตามของเพจก็ตาม สำหรับการโพสต์ที่เข้าถึงโดยเจตนา ผู้เผยแพร่ข้อมูลจะต้องสร้างการมีส่วนร่วม ซึ่งหมายความว่าต้องมีคนที่ทุ่มเทตอบทุกความคิดเห็น และตั้งคำถามเพื่อเริ่มต้นการสนทนา
ทางเลือกคือการจ่ายเงินเพื่อการประชาสัมพันธ์โพสต์ แนวคิดในการจ่ายเงินเพื่อการประชาสัมพันธ์ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ในสหรัฐฯ การชำระเงินสำหรับการกระตุ้นผ่านสื่อสังคมออนไลน์จะได้รับอนุญาตสำหรับบริการสรรหาบุคลากรเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ สำนักงานกิจการสาธารณะของกองทัพหลายแห่งจึงเห็นอัตราการมีส่วนร่วมในแพลตฟอร์มสังคมลดลง ทำให้องค์กรเหล่านั้นต้องมุ่งเน้นไปที่การมีส่วนร่วมโดยไม่พึ่งการใช้เงิน
สื่อสังคมออนไลน์และการจัดการภัยพิบัติ
รัฐบาลหลายประเทศกำลังสร้างแอปฯ เพื่อช่วยประสานงานข้อมูลให้ดียิ่งขึ้นในระหว่างการรับมือภัยพิบัติ บางแอปฯ มีการนำไปใช้งานในระดับรัฐบาลกลาง ในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ขนาดใหญ่ หลายแอปฯ นำไปใช้งานในระดับเมือง
เช่น ใน พ.ศ. 2557 รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ร่วมมือกับแร็ปเปอร์ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ของฟิลิปปินส์ เพื่อพัฒนาแอปฯ สำหรับแบ่งปันข้อมูลที่เรียกว่าเบทินกอว์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็มีแอปฯ อื่น ๆ
เพิ่มขึ้นอีกมากมายเพื่อรองรับพื้นที่เฉพาะ เช่น เขตปริมณฑลของเมืองมะนิลา
การแบ่งปันข้อมูลที่ไม่ดีเป็นความเสี่ยงในสื่อสังคมออนไลน์ แต่สิ่งที่มีความเสี่ยงมากกว่าคือการขาดการแบ่งปัน ซึ่งส่งผลให้ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของผู้ชม
ความคาดหวังของผู้ชมมักจะขัดแย้งกับการกำหนดเวลาในกระบวนการอนุมัติของรัฐบาล ในช่วงเวลาที่มีความตื่นตระหนกต่อขีปนาวุธในฮาวายใน พ.ศ. 2561 สำนักงานจัดการเหตุฉุกเฉินแห่งรัฐฮาวาย ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการจู่โจมที่กำลังจะเกิดขึ้นผ่านทางโทรทัศน์และมีการแจ้งเตือนทางโทรศัพท์มือถือ ซึ่งใช้เวลา 15 นาทีในการระบุสถานการณ์ว่าเป็นข้อผิดพลาด และได้รับการอนุมัติในการเผยแพร่ข้อความว่าทุกอย่างปลอดภัยแล้ว สำนักงานจัดการเหตุฉุกเฉินแห่งรัฐฮาวายประกาศข้อความแก้ไขในทวิตเตอร์ ซึ่งทิ้งช่วงหลังจากข้อความแรก 17 นาที และในอีก 45 นาทีต่อมาในช่องทางเดียวกันที่ได้แพร่ภาพข้อความซึ่งเป็นข้อผิดพลาด โดยใช้เวลา 38 นาทีก่อนที่เจ้าหน้าที่จะออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ตามรายงานข่าวส่วนใหญ่
แม้ครึ่งชั่วโมงอาจดูเหมือนเป็นการตอบสนองที่รวดเร็วในสภาพแวดล้อมการทำงานปกติ แต่อาจยาวนานแสนสาหัสในสถานการณ์วิกฤต ในขณะที่ผู้คนไม่พอใจต่อความผิดพลาดดังกล่าว การรับรู้ว่ารัฐบาลใช้เวลานานเกินไปในการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง และแม้กระทั่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับวิธีการปกป้องตัวเอง ทำให้ผู้คนยิ่งไม่พอใจมากขึ้นไปอีก
องค์การนอกภาครัฐกำลังเข้าสู่กิจการแบ่งปันข้อมูลเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ประชาชนไม่ไว้ใจข้อมูลที่รัฐบาลเผยแพร่ ขณะที่การให้ความช่วยเหลือจากองค์การนอกภาครัฐในกระบวนนี้อาจเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีข้อจำกัดด้านกำลังคน แต่ก็หมายถึงการสละความรับผิดชอบในการแบ่งปันข้อมูลให้กับบุคคลภายนอก
สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น…
การใช้สื่อสังคมออนไลน์ยังคงเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง ตามรายงานหัวข้อ “สังคมใน พ.ศ. 2571” จาก WeAreSocial.com แพลตฟอร์มการส่งข้อความ เช่น วอทส์แอปและสแนปแชท จะยังคงขยายการเข้าถึงของตนต่อไป ความเป็นจริงเสมือนและความเป็นจริงเสริมยังเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง บางคนแย้งว่า เฟซบุ๊กจะเอาชนะแพลตฟอร์มอื่น ๆ ทั้งหมดเพื่อกลายเป็นซูเปอร์แพลตฟอร์ม ขณะที่บางคนคาดหวังว่าประสบการณ์การใช้งานเครือข่ายทั้งหมดจะเปลี่ยนไป เมื่อสื่อสังคมออนไลน์ผนวกเข้ากับแอปพลิเคชันพื้นฐานในที่ทำงานและที่บ้าน
ปัญหาด้านความเป็นส่วนตัว รวมทั้งการควบคุมของรัฐบาลและองค์กรยังคงมีการถกเถียงกันอยู่ มีคนที่เต็มใจสละความเป็นส่วนตัวเพื่อความสะดวกสบาย อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการที่รัฐบาลเข้ามายึดครองสื่อสังคมออนไลน์และใช้สื่อดังกล่าวเพื่อติดตามประชาชน
มีแนวโน้มว่ามีปรัชญาที่แตกต่างกันสามประการในการควบคุมสื่อสังคมออนไลน์ ปรัชญาของสหรัฐฯ มุ่งสนับสนุนผลประโยชน์ขององค์กร นโยบายของสหภาพยุโรปคือการปกป้องความเป็นส่วนตัวของแต่ละบุคคลเหนือผลกำไรของบริษัท ปรัชญาของสาธารณรัฐประชาชนจีนคือสนับสนุนการควบคุมสื่อสังคมออนไลน์ของรัฐบาลอย่างเต็มที่
ผู้คนทั่วโลกจะไม่เห็นนโยบายสื่อสังคมออนไลน์ที่เจาะจงกลายเป็นบรรทัดฐานสากลไปอีกระยะหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นนโยบายที่เป็นแบบเดียวกันหรือการพัฒนาแนวทางมากมาย สิ่งหนึ่งที่ยังคงชัดเจนคือภาคการทหารและความมั่นคงควรทราบว่า การใช้สื่อสังคมออนไลน์ไม่น่าจะสิ้นสุดลง