ติดอันดับ

อัยการสหรัฐฯ กล่าวว่าชาวเกาหลีเหนือและชาวจีนวางแผนจะให้เงินทุนสนับสนุนโครงการนิวเคลียร์ของรัฐบาลเกาหลีเหนือ

ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ กล่าวหาว่าเครือข่ายพลเมืองของเกาหลีเหนือและจีนแอบเข้ามาพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ โดยเปิดช่องให้มีการมอบเงินสนับสนุนอย่างผิดกฎหมายเป็นมูลค่าอย่างน้อย 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7.8 หมื่นล้านบาท) ผ่านบริษัทบังหน้าหลายร้อยแห่ง

คำฟ้องร้องที่เปิดผนึกในศาลสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เชื่อกันว่าเป็นการดำเนินคดีทางอาญาครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับเกาหลีเหนือ

จำเลยทั้ง 33 คนประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงของธนาคารเพื่อการค้าต่างประเทศของทางการเกาหลีเหนือ ซึ่งถูกเพิ่มเข้าไปในรายชื่อสถาบันที่ถูกคว่ำบาตรของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ จากการทำธุรกรรมซึ่งเอื้อต่อเครือข่ายการขยายอาวุธนิวเคลียร์ใน พ.ศ. 2556 นอกจากนี้ ธนาคารดังกล่าวยังถูกตัดออกจากระบบการเงินของสหรัฐฯ ด้วย

คำฟ้องดังกล่าวระบุว่าเจ้าหน้าที่ธนาคาร ซึ่งหนึ่งในนั้นเคยทำงานในสำนักงานข่าวกรองหลักของเกาหลีเหนือ ได้จัดตั้งสาขาธนาคารในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงในไทย รัสเซีย และคูเวต เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารดังกล่าวใช้บริษัทมากกว่า 250 แห่งมาบังหน้าเพื่อนำเงินดอลลาร์สหรัฐมาดำเนินโครงการขยายอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

คำฟ้องยืนยันว่าจำเลยใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อปกปิดร่องรอย รวมทั้งบทสนทนาที่เข้ารหัส การระบุจุดหมายปลายทางและลูกค้าปลอมในสัญญาและใบแจ้งหนี้ รวมทั้งการสร้างบริษัทบังหน้าแห่งใหม่ หลังจากที่พบว่าธนาคารมีความเกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ

ตามรายงานของอัยการสหรัฐฯ ระบุว่า ธนาคารหลายแห่งถูกหลอกให้ประมวลผลการทำธุรกรรมหลายครั้ง ซึ่งโดยปกติธนาคารจะไม่ทำ จำเลยทั้งห้าคนเป็นพลเมืองจีน ซึ่งดำเนินกิจการสาขาลับในจีนหรือไม่ก็ลิเบีย

นายไมเคิล เชอร์วิน อัยการสูงสุดของสหรัฐฯ ประจำเขตปกครองพิเศษโคลัมเบีย กล่าวในแถลงการณ์ว่า “จากคำฟ้องร้องนี้ สหรัฐอเมริกาได้ลงนามในพันธสัญญาเพื่อขัดขวางความสามารถในการเข้าถึงระบบการเงินของสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายของเกาหลีเหนือ และจำกัดความสามารถในการใช้รายได้จากการกระทำที่ผิดกฎหมายเพื่อยกระดับอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงที่ผิดกฎหมาย รวมถึงโครงการขีปนาวุธ”

สหรัฐฯ ได้อายัดและยึดเงินประมาณ 63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.9 ร้อยล้านบาท) จากโครงการดังกล่าวนับตั้งแต่ พ.ศ. 2558 ตามคำฟ้องร้อง

การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของรัฐบาลเกาหลีเหนือยังคงหยุดชะงัก เกาหลีเหนือได้กลับมาทดสอบขีปนาวุธอีกครั้งเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 โดยมีการปล่อยขีปนาวุธหลายชุด ซึ่งทำให้ประเทศเพื่อนบ้านขวัญเสียและเกิดการประณามจากหลายประเทศ (ภาพ: ผู้คนที่สถานีรถไฟโซล ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ดูรายงานการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือทางโทรทัศน์ เมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2563)

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่าตนยังคงกระตือรือร้นที่จะเริ่มการเจรจาใหม่ แต่ไม่ได้รับสัญญาณใด ๆ จากเกาหลีเหนือว่าจะมีการกลับมาเจรจาใหม่ในเร็ววัน

คำฟ้องดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ เช่น เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 ผู้เชี่ยวชาญขององค์การสหประชาชาติได้แนะนำให้ขึ้นบัญชีดำเรือ 14 ลำจากการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือ ในรายงานระบุว่า มีการกล่าวหาว่าเกาหลีเหนือเพิ่มการส่งออกถ่านหินและการนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งยังคงดำเนินการโจมตีทางไซเบอร์ต่อสถาบันการเงิน และการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลอย่างต่อเนื่องเพื่อรับรายได้ที่ผิดกฎหมาย

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button