งานวิจัยพบว่า เขื่อนจีนกักน้ำในแม่น้ำโขงไว้ในช่วงภัยแล้ง
ติดอันดับ | May 7, 2020:
รอยเตอร์
บริษัทวิจัยของสหรัฐฯ กล่าวในงานวิจัยว่า เขื่อนในแม่น้ำโขงของจีนได้กักน้ำปริมาณมากในช่วงภัยแล้งซึ่งสร้างความเสียหายแก่ประเทศปลายน้ำใน พ.ศ. 2562 แม้ว่าจีนจะมีระดับน้ำสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ต้นน้ำก็ตาม
รัฐบาลจีนโต้แย้งผลการวิจัยดังกล่าว โดยระบุว่ามีปริมาณน้ำฝนต่ำในช่วงฤดูมรสุม พ.ศ. 2562 ในส่วนของแม่น้ำสายนี้ที่ไหลผ่านจีนเป็นความยาว 4,350 กิโลเมตร
ผลการวิจัยของบริษัทอายส์ออนเอิร์ธ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาที่เชี่ยวชาญด้านน้ำ โดยตีพิมพ์ในการวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ อาจทำให้การหารือระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนกับประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงอื่น ๆ ยุ่งยากในด้านวิธีจัดการแม่น้ำซึ่งหล่อเลี้ยงประชากร 60 ล้านคนสายนี้ตามแนวที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน ได้แก่ ลาว พม่า ไทย ไปจนถึงกัมพูชาและเวียดนาม (ภาพ: มุมมองทั่วไปของสถานที่โครงการก่อสร้างเขื่อนหลวงพระบางที่ริมแม่น้ำโขง รอบนอกเขตจังหวัดหลวงพระบาง ประเทศลาว ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563)
ภัยแล้งใน พ.ศ. 2562 ซึ่งเห็นได้ว่าแม่น้ำโขงตอนล่างอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี ได้สร้างความเสียหายแก่เกษตรกรและชาวประมง รวมทั้งเห็นได้ว่าแม่น้ำทรุดตัวลงขนานใหญ่ เผยให้เห็นตลิ่งทรายตามแนวยาวบางแห่ง และมีน้ำบางส่วนเปลี่ยนจากสีน้ำตาลขุ่นตามปกติเป็นสีน้ำเงินสดเนื่องจากน้ำในแม่น้ำตื้นและขาดตะกอน
นายอลัน เบซิสต์ นักอุตุนิยมวิทยาและประธานบริษัทอายส์ออนเอิร์ธ ซึ่งดำเนินการศึกษานี้ด้วยเงินทุนจากโครงการริเริ่มลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า “หากจีนระบุว่าพวกเขาไม่ได้มีส่วนให้เกิดภัยแล้ง ข้อมูลที่ปรากฏก็ไม่สนับสนุนจุดยืนนั้น”
แต่การวัด “ความเปียกชื้นของผิวโลก” จากดาวเทียมในมณฑลยูนนานของจีนซึ่งแม่น้ำโขงตอนบนไหลผ่าน แสดงให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วใน พ.ศ. 2562 ภูมิภาคนี้มีปริมาณฝนและหิมะละลายมากกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อยในช่วงฤดูฝนในเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม
อย่างไรก็ตาม ระดับน้ำที่วัดได้จากปลายน้ำจากจีนไปจนถึงชายแดนไทยและลาวในขณะนั้นน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น 3 เมตร กลุ่มของนายเบซิสต์ระบุในการวิจัย
นั่นบ่งชี้ว่าจีน “ไม่ปล่อยให้น้ำไหลออกไปในฤดูฝน แม้ในตอนที่การจำกัดน้ำจากจีนส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อปลายน้ำที่เผชิญกับภัยแล้ง” นายเบซิสต์กล่าว
ผลกระทบจากเขื่อนของจีน 11 แห่งที่มีต่อแม่น้ำโขงตอนบนมีการถกเถียงกันมานานแล้ว แต่ยังขาดแคลนข้อมูลเนื่องจากจีนไม่ได้เผยแพร่บันทึกรายละเอียดว่าเขื่อนเหล่านี้ใช้น้ำมากน้อยเพียงใดในการเติมอ่างเก็บน้ำ ซึ่งอายส์ออนเอิร์ธระบุว่า เขื่อนเหล่านี้มีความจุรวมกันมากกว่า 47,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
จีน ซึ่งไม่มีสนธิสัญญาด้านน้ำอย่างเป็นทางการกับประเทศลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง ได้สัญญาว่าจะให้ความร่วมมือในการจัดการแม่น้ำโขง และจะตรวจสอบสาเหตุของภัยแล้งที่เกิดขึ้นในปีที่แล้วด้วย
สหรัฐอเมริกา ซึ่งท้าทายอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้กล่าวว่าโดยพื้นฐานแล้วรัฐบาลจีนเป็นผู้ควบคุมแม่น้ำโขง ในกรุงเทพฯ เมื่อ พ.ศ. 2562 นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ตำหนิเรื่องภัยแล้งว่าเป็นเพราะ “การตัดสินใจปิดน้ำจากต้นน้ำของจีน”
การวิจัยนี้ใช้ข้อมูลดาวเทียมที่ถ่ายด้วยเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ไมโครเวฟอิมเมเจอร์/ซาวน์เดอร์พิเศษ เพื่อตรวจจับน้ำบนพื้นผิวโลกจากฝนและหิมะละลายในลุ่มแม่น้ำโขงส่วนของจีนตั้งแต่ พ.ศ. 2535 ถึงปลาย พ.ศ. 2562
จากนั้นจึงนำข้อมูลดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับการอ่านค่าระดับแม่น้ำโดยคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงที่สถานีอุทกวิทยาเชียงแสนในประเทศไทย ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้กับจีนที่สุด เพื่อสร้างแบบจำลองการคาดการณ์ระดับ “ตามธรรมชาติ” ของแม่น้ำโขง ซึ่งจะได้ปริมาณน้ำฝนและการละลายของหิมะในระดับที่แน่นอน
ข้อมูลในช่วงปีแรก ๆ จาก พ.ศ. 2535 มีการติดตามรูปแบบการคาดการณ์และการวัดแม่น้ำโดยทั่วไปอย่างใกล้ชิด
ตั้งแต่ พ.ศ. 2555 เมื่อเขื่อนพลังน้ำขนาดใหญ่ของจีนในแม่น้ำโขงตอนบนเริ่มใช้งาน รูปแบบและการอ่านระดับแม่น้ำเริ่มแตกต่างในปีส่วนใหญ่ ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่อ่างเก็บน้ำในเขื่อนของจีนรองน้ำในช่วงฤดูฝนและปล่อยน้ำในช่วงฤดูแล้ง
นายเบซิสต์กล่าวว่า ความแตกต่างดังกล่าวเห็นชัดเจนเป็นพิเศษใน พ.ศ. 2562
ทั้งนี้ การศึกษานี้มุ่งเน้นไปที่น้ำที่ไหลออกจากประเทศจีนเท่านั้นและไม่ได้ศึกษาทางส่วนปลายน้ำที่ไกลออกไป ซึ่งประเทศลาวได้เปิดทำการเขื่อนในลำน้ำโขงสายหลักใหม่สองแห่งเมื่อปลาย พ.ศ. 2562
จีนปฏิเสธผลการวิจัย
“คำอธิบายที่ว่า การสร้างเขื่อนบนแม่น้ำหลานซางของจีนทำให้เกิดภัยแล้งที่ปลายน้ำเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล” กระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุในแถลงการณ์ต่อสำนักข่าวรอยเตอร์ ซึ่งอ้างถึงแม่น้ำโขงด้วยชื่อภาษาจีน
กระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุว่า มณฑลยูนนานเกิดภัยแล้งที่ร้ายแรงใน พ.ศ. 2562 และปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำที่เขื่อนของจีนบริเวณแม่น้ำโขงลดลงจนถึงระดับที่ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์
“ถึงจะเป็นเช่นนี้ แต่จีนก็ยังคงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรับประกันปริมาณการปล่อยน้ำที่สมเหตุสมผล” ไปยังประเทศปลายน้ำ กระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุ
อย่างไรก็ตาม นายไบรอัน ไอเลอร์ ผู้อำนวยการโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของศูนย์วิจัยสติมสันในกรุงวอชิงตันระบุว่า การยืนยันดังกล่าวไม่สอดคล้องกับข้อมูลจากการวิจัยฉบับใหม่
“ไม่รัฐบาลจีนก็ผู้ประกอบการเขื่อนของจีนนั่นแหละที่กำลังโกหก ที่ไหนสักแห่ง มีใครบางคนที่ไม่ยอมพูดความจริง” นายไอเลอร์กล่าว