ทางการจีนแก้ไขข้อมูลการเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาในอู่ฮั่นถึงร้อยละ 50

ติดอันดับ | Apr 30, 2020:

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

ทางการจีนในเมืองที่เกิดโควิด-19 ขึ้นครั้งแรกกล่าวว่า จำนวนผู้เสียชีวิตที่ศูนย์กลางการระบาดสูงกว่าที่รายงานไว้ร้อยละ 50 อ้างอิงจากการแก้ไขข้อมูลที่นำไปสู่การกล่าวหาพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่ามีการปกปิดข้อมูล

มีความคลางแคลงใจอย่างมากเกี่ยวกับข้อมูลที่ออกมาจากอู่ฮั่น ประเทศจีน แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ให้เหตุผลถึงยอดรวมที่ไม่แม่นยำว่า เพราะเป็นการเสียชีวิตของผู้คนที่อยู่ที่บ้านเนื่องจากไม่มีที่ว่างในโรงพยาบาล การรายงานที่ผิดพลาดโดยเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และเป็นการเสียชีวิตที่สถานพยาบาลซึ่งไม่ได้เชื่อมโยงกับเครือข่ายข้อมูลการระบาด ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ดเพรสเมื่อกลางเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 การทบทวนเพิ่มเติมได้เปิดเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาอย่างเป็นทางการในอู่ฮั่นนั้นสูงกว่าตัวเลขที่รายงานไว้ก่อนหน้านี้ถึง 3,896 รายหรือร้อยละ 50

“เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่สถานพยาบาลบางแห่งอาจวุ่นวายกับการช่วยชีวิตและมีการรายงานล่าช้า การรายงานขาดหาย หรือการรายงานผิดพลาด แต่ไม่เคยมีการปกปิดใด ๆ และเราไม่อนุญาตให้มีการปกปิด” นายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน

ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 ขณะที่ไวรัสยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง อู่ฮั่นไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่หรือการเสียชีวิตเป็นเวลาหลายวัน ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการคาดเดาว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนพยายามบิดเบือนอัตราป่วยของไวรัสลง ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ดเพรส ตำรวจจีนควบคุมตัวและตำหนิกลุ่มเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์แปดคน รวมถึงแพทย์คนหนึ่งที่เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสในเวลาต่อมา หลังจากที่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เหล่านั้นพยายามแจ้งเตือนผู้อื่นเกี่ยวกับเชื้อไวรัสในสื่อสังคมออนไลน์ ตามรายงานของสื่อมวลชนอย่างกว้างขวาง

สองวันก่อนยอดการเสียชีวิตของอู่ฮั่นฉบับที่ได้รับการแก้ไขของจีนจะปรากฏขึ้น อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศ เอ็มไอซิกซ์ ของอังกฤษตำหนิพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชนที่ปกปิดข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวกับการระบาดครั้งนี้จากทั่วโลก

นายจอห์น ซอว์เออร์ หัวหน้าหน่วยเอ็มไอซิกซ์ ใน พ.ศ. 2552 – 2557 กล่าวกับบีบีซีว่า “เกิดความโกรธแค้นอย่างมากในสหรัฐฯ ต่อสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าทำให้เราทุกคนได้รับผลกระทบ และจีนกำลังหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบต่อต้นตอของไวรัส หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบจากความล้มเหลวในการจัดการกับไวรัส” นายซอว์เออร์กล่าวถึงการไม่เห็นด้วยของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับการตอบสนองขององค์การอนามัยโลกต่อไวรัสโคโรนา อันเนื่องมาจากเกี่ยวข้องกับจีนและความไม่เต็มใจอย่างเห็นได้ชัดขององค์การอนามัยโลกที่จะมองว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนประมาทในการตอบสนองต่อการระบาด

“ข้อมูลข่าวกรองคือการได้มาซึ่งข้อมูลที่ถูกปกปิดจากคุณโดยรัฐอื่น ๆ และผู้มีบทบาทอื่น ๆ” นายซอว์เออร์กล่าวเพิ่มเติม “มีช่วงเวลาสั้น ๆ ในเดือนธันวาคมและมกราคมที่ฝ่ายจีนปกปิดเรื่องนี้จากตะวันตก”

เมื่อเร็ว ๆ นี้ เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการปกปิดของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และเรียกร้องให้มีการสืบสวนระหว่างประเทศเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดและการแพร่กระจายของโควิด-19 ตามรายงานของสำนักข่าววอยซ์ออฟอเมริกา

“กุญแจสำคัญในการดำเนินการต่อไปในบริบทของประเด็นเหล่านี้คือความโปร่งใส แน่นอนว่าต้องเป็นความโปร่งใสจากจีน ความโปร่งใสจากทุกประเทศที่สำคัญทั่วโลกที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบใด ๆ ที่เกิดขึ้น” นางมารีส เพย์น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวตามรายงานของวอยซ์ออฟอเมริกา “ดิฉันคิดว่าเป็นเรื่องพื้นฐานที่เราต้องระบุ เรากำหนดกลไกการทบทวนอิสระเพื่อตรวจสอบการพัฒนาของการระบาดและการพัฒนาไปสู่โรคระบาดใหญ่ทั่วโลก ซึ่งเป็นวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นในระดับสากล”

ออสเตรเลียยืนยันว่า การตรวจสอบใด ๆ ที่เกิดขึ้นควรทำโดยองค์กรอื่นที่ไม่ใช่องค์การอนามัยโลก

ขณะนี้จำนวนการติดเชื้อใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่องในอู่ฮั่น เมืองนี้ไม่ได้ถูกปิดกั้นอีกต่อไปและผู้อยู่อาศัยได้เริ่มเก็บอัฐิที่หลงเหลือของญาติตนเอง (ภาพ: เจ้าหน้าที่ซึ่งสวมชุดป้องกันกำลังดำเนินกระบวนการตรวจสอบผู้โดยสารจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน หลังจากที่คนเหล่านั้นเดินทางมาถึงด้วยรถไฟความเร็วสูงในกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2563 อู่ฮั่น เมืองที่เป็นศูนย์กลางของการระบาดของไวรัสโคโรนาทั่วโลก ได้ยกเลิกการปิดกั้น 76 วันเมื่อต้นเดือนเมษายนและอนุญาตให้ผู้คนเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางทั่วประเทศจีนได้)

อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในสถานที่อื่น ๆ ในโลกยังคงทำให้ผู้นำระดับโลกพินิจพิเคราะห์การตอบสนองของจีนและเรียกร้องคำตอบ

“อย่าพูดอย่างไร้เดียงสาว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนรับมือเรื่องนี้ได้ดีนักเลย” นายแอมานุเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส กล่าวกับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ “ชัดเจนแล้วว่า มีหลายสิ่งที่เราไม่ทราบได้เกิดขึ้น”