เอกสารที่รั่วไหลเปิดเผย พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้ข้อมูลส่วนบุคคลด้านศาสนาอ้างเหตุกักขังชาวอุยกูร์ไว้ในค่าย
ติดอันดับ | Feb 29, 2020:
เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้บันทึกรายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคลของชาวมุสลิมชนกลุ่มน้อย เพื่อพิจารณาว่าควรกักไว้ในค่ายกักกันหรือไม่ ตามเอกสารที่สมาชิกขององค์กรข่าวใหญ่หลายแห่งได้ตรวจสอบ
หนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า เอกสาร 137 หน้าบันทึกติดตามการกักขังผู้คน 311 คนจากอำเภอหนึ่งในซินเจียง และบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับญาติ เพื่อนบ้าน และกลุ่มเพื่อนของผู้ที่ถูกคุมขังดังกล่าวกว่า 2,800 คน ซึ่งเกือบหนึ่งในสี่เคยถูกกักขังหรือถูกจำคุกมาแล้ว
หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์และสื่อสำนักอื่นรายงานว่า นอกเหนือจากการรวบรวมข้อมูลของผู้ถูกกักขังและเหตุผลในการคุมขังแล้ว บันทึกดังกล่าวยังมีรายละเอียดส่วนตัวเกี่ยวกับชีวิตของผู้ถูกคุมขัง เช่น การวางแผนเดินทางออกนอกประเทศ จำนวนครั้งที่ทำละหมาดหรือมีส่วนร่วมการปฏิบัติศาสนกิจอื่น ๆ ผู้ถูกคุมขังในรายชื่อที่รั่วไหลมาจากหนึ่งในถิ่นฐานหลักของชาวอุยกูร์ ที่เรียกว่า คาราแคกซ์เคาน์ตี ซึ่งอยู่ใกล้ทะเลทรายทาคลามากันทางตะวันตกเฉียงใต้ของซินเจียง รายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ดเพรสระบุ โดยมีข้อมูลล่าสุดย้อนไปถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2562 ตามรายงานของเดอะนิวยอร์กไทมส์
การกักขังบุคคลเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการขนาดใหญ่ โดยคุมขังชนกลุ่มน้อยกว่าหนึ่งล้านคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมไว้ในศูนย์กักกันทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซินเจียง สถานที่ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนเรียกว่าศูนย์ปรับทัศนคติและอ้างว่าใช้เพื่อต่อต้านลัทธิสุดโต่ง (ภาพ: ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ภาพนี้ถ่ายเก็บรายละเอียดจากเอกสารที่รั่วไหล ซึ่งให้มุมมองส่วนตัวเกี่ยวกับวิธีที่เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนพิจารณาการกักขังบุคคลในค่ายกักกัน)
เอกสารดังกล่าว “ตอกย้ำแนวคิดการล่าแม่มดของรัฐบาลและวิธีที่รัฐบาลทำทุกอย่างให้กลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย” นายเอเดรียน เซนซ์ นักวิชาการอาวุโส มูลนิธิเหยื่อผู้เสียหายจากลัทธิคอมมิวนิสต์ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กล่าวกับดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส
นอกจากนี้ เอกสารดังกล่าวยังเปิดเผยว่า บุคคลส่วนใหญ่ในรายชื่อไม่ได้ถูกส่งไปยังค่ายกักกันเนื่องจากความเป็นลัทธิสุดโต่งตามที่พรรคคอมมิวนิสต์อ้าง แต่ด้วยเหตุผลว่ามีบุตรมากเกินไปหรือยื่นคำร้องขอหนังสือเดินทาง นายอับดูเวลี อายุป นักเคลื่อนไหวชาวอุยกูร์ที่นอร์เวย์กล่าวกับเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล
“เอกสารนี้มีความสำคัญมาก เนื่องจากทำให้เราทราบถึงความเป็นจริง” นายอายุฟกล่าว “ในเอกสารมีเพียงสามกรณีที่เกี่ยวข้องกับลัทธิแบ่งแยกดินแดน” นายอายุปกล่าวกับเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล
บีบีซีรายงานว่า ลักษณะอื่น ๆ ที่ระบุในสเปรดชีตนั้นรวมถึงบุคคลที่เข้ามัสยิดเป็นประจำ เคยเข้าร่วมพิธีศพ ผ้าคลุมศีรษะ หรือไว้เครายาว
“เอกสารที่น่าทึ่งนี้นำเสนอหลักฐานแน่นหนาที่สุดที่ผมเคยเห็นมาว่า ปัจจุบันรัฐบาลจีนกำลังข่มเหงและลงโทษบุคคลที่ปฏิบัติตามความเชื่อทางศาสนาดั้งเดิมตามปกติ” นายเซนซ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านศูนย์กักกันกล่าวกับบีบีซี
เอกสารดังกล่าวอ้างถึงเหตุผลต่าง ๆ ในการกักขัง รวมทั้งเรื่อง “การติดเชื้อทางศาสนาของชนกลุ่มน้อย” “การรบกวนบุคคลอื่นด้วยการไปเยี่ยมโดยไม่มีเหตุผล” “ญาติพี่น้องในต่างประเทศ” “มีความคิดที่ยากจะเข้าใจ” และ “บุคคลที่ไม่น่าไว้ใจซึ่งเกิดในทศวรรษที่เจาะจง” ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรสรายงาน เกือบหนึ่งในสามของผู้ถูกคุมขังที่ถูกเรียกว่า “ไม่น่าไว้ใจ” มีอายุ 25 ถึง 29 ปี นายเซนซ์กล่าวกับดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส
รวมถึงได้กล่าวกับเดอะนิวยอร์กไทม์สว่า ประมาณ 75% ของบุคคลที่อยู่ในรายชื่อได้รับการปล่อยตัว แต่เอกสารระบุว่ายังคงมีการเฝ้าระวังผู้เคยถูกคุมขังหลังการปล่อยตัว
ตามข้อมูลของสมาชิกชุมชนผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ นายอายุปช่วยนักข่าวยืนยันว่าเอกสารนี้เป็นเอกสารจริง ซึ่งเป็นส่วนแทนของไฟล์ที่เก็บไว้กับผู้ต้องขัง และเปิดเผยแนวทางการควบคุมพลเมืองในภูมิภาคอย่างเป็นระบบ
“พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้จัดหมวดหมู่ความหวาดกลัวศาสนาจากภายในและความแตกต่างทางชาติพันธุ์ให้เป็นกลุ่มของเกณฑ์ที่มีความซับซ้อน ซึ่งมีความสอดคล้องกันภายในและเป็นกึ่งวิทยาศาสตร์สำหรับการกักขังและการปล่อยตัว” นายเซนซ์อธิบายเพิ่มเติมงานวิจัยใหม่ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารเจอร์นัลออฟโพลิติคอลริสก์
ชุมชนผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ได้เผยแพร่เอกสารอื่น ๆ กับนักข่าวใน พ.ศ. 2562 ซึ่งอธิบายถึงการทำงานของระบบกักกันมวลชนของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและบริบททางประวัติศาสตร์ของการจัดตั้งค่ายกักกัน