ติดอันดับ

ฟิลิปปินส์กำหนดให้เดือนมีนาคมเป็นเส้นตายในการกำจัดกลุ่มอะบูซัยยาฟ

ติดอันดับ | Feb 14, 2020:

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

กองทัพฟิลิปปินส์กำลังร่างแผนการถอนรากถอนโคนกลุ่มก่อการร้ายที่ลักพาตัวประชาชนหลายสิบคนและโจมตีแบบพลีชีพหลายครั้ง ซึ่งสร้างความเดือดร้อนไปทั่วประเทศ

“ผมมั่นใจว่าเราสามารถถอนรากถอนโคนกลุ่มอะบูซัยยาฟได้ภายในวันที่ 31 มีนาคม” พล.ท. ซิริลิโต โซเบจานา ผู้บัญชาการกองบัญชาการมินดาเนาตะวันตกของกองทัพบกฟิลิปปินส์กล่าว ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ เดอะฟิลิปปินส์เดลี่อินไควเรอร์ พล.ต. คอร์เลโต วินลวน จูเนียร์ ผู้บัญชาการกองกำลังเฉพาะกิจร่วมซูลู กล่าวเสริมว่ากองทัพปราบปรามนักรบของกลุ่มอะบูซัยยาฟจนมีจำนวนลดลงอย่างมาก ณ ช่วงหนึ่งใน พ.ศ. 2562 กลุ่มอะบูซัยยาฟมีนักรบ 300 คน “ตอนนี้กำลังรบของกลุ่มดังกล่าวเหลืออยู่ประมาณ 50 คน” พล.ต. วินลวน จูเนียร์ กล่าว

กองทัพได้โจมตีครั้งสำคัญเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2562 โดยสังหารคนส่งข่าวระหว่างกลุ่มอะบูซัยยาฟและรัฐอิสลาม นายทัลฮา จัมซาร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อนายอะบู ทัลฮา ผ่านการฝึกด้านการทำระเบิดจากรัฐอิสลาม และหัดให้สมาชิกกลุ่มอะบูซัยยาฟทำการโจมตีแบบพลีชีพ โดยมีการพบศพของนายทัลฮาที่เมืองปาทิคูล

นอกจากนี้ ผู้ทำระเบิดคนนี้ยังทำหน้าที่เป็น “คนส่งเงินและคนส่งข่าว” ระหว่างนักรบญิฮาดต่างชาติและนักรบญิฮาดในประเทศ ตามรายงานของรอยเตอร์ “การเสียชีวิตของนายอะบู ทัลฮา จะบั่นทอนขวัญกำลังใจของผู้ที่มีตำแหน่งในกลุ่มอะบูซัยยาฟในซูลูอย่างแน่นอน” พล.จ. อันโตนิโอ นาฟาเรท แห่งกองทัพบกฟิลิปปินส์กล่าว

กลุ่มอะบูซัยยาฟอ้างว่าเป็นฝ่ายต้นตอความรับผิดชอบในการโจมตีแบบพลีชีพและการลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่หลายครั้ง โดยรอยเตอร์รายงานว่า กองทัพบกฟิลิปปินส์เข้าขัดขวางการระเบิดพลีชีพในเขตเทศบาลโจโลในภูมิภาคซูลู เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ซูลูซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มอะบูซัยยาฟ ต้องทนรับการระเบิดพลีชีพสี่ครั้งในช่วงหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา เหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2562 เมื่อมีการวางระเบิด 2 ลูกที่โบสถ์พระแม่เมาท์คาร์เมลของนิกายโรมันคาทอลิกในโจโล ทำให้มีผู้เสียชีวิต 20 คนและบาดเจ็บ 102 คน

พล.ต. วินลวน จูเนียร์ กล่าวว่าโครงการใหม่ของกองทัพต้องใช้กำลังพลมากขึ้นเพื่อส่งกำลังไปที่ซูลู แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือต้องการความช่วยเหลือจากพลเรือน “ทหารสังหารผู้ก่อการร้าย” พล.ต. วินลวน จูเนียร์ กล่าว “ส่วนพลเรือนกำจัดการก่อการร้าย” พล.ต. วินลวน จูเนียร์ ร้องขอให้สมาชิกกลุ่มอะบูซัยยาฟที่เหลือ “ยอมจำนนและกลับมาใช้ชีวิตปกติ แทนที่จะถูกตามล่าในฐานะอาชญากรหลบหนี” (ภาพ: ทหารฟิลิปปินส์แจกจ่ายภาพนายอิสนิลอน ฮาปิลอน นักรบหัวรุนแรงของกลุ่มอะบูซัยยาฟซึ่งเป็นที่ต้องการตัว ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 โดยกองทัพฟิลิปปินส์สังหารนายฮาปิลอน เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2560)

กองทัพยังต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายบนผืนน้ำด้วยเช่นกัน ขณะที่จำนวนสมาชิกของกลุ่มอะบูซัยยาฟค่อย ๆ ลดลง กลุ่มดังกล่าวก็รีบเร่งลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2563 กองกำลังฟิลิปปินส์ได้ช่วยเหลือนายมูฮัมหมัด ฟาร์ฮัน ชาวประมงชาวอินโดนีเซีย ซึ่งถูกกักขังอยู่ในป่าทางตอนใต้ของจังหวัดซูลูเป็นเวลาเกือบสี่เดือน วันถัดมา ผู้ร้ายจากกลุ่มอะบูซัยยาฟจับตัวชาวอินโดนีเซียเพิ่มอีกห้าคนในน่านน้ำใกล้ภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ดเพรส

ข้อมูลของรัฐบาลแสดงให้เห็นว่านักรบอะบูซัยยาฟลักพาตัวและจับชาวอินโดนีเซีย 39 คนเป็นตัวประกันระหว่าง พ.ศ 2559 ถึง 2562 ตัวประกันคนหนึ่งเสียชีวิต ส่วนคนอื่นได้รับการปล่อยให้เป็นอิสระ ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ดเพรส เหยื่อส่วนใหญ่เป็นแรงงานข้ามชาติที่ถูกลักพาตัวขณะทำประมงในน่านน้ำนอกซาบาห์ที่อยู่ทางชายฝั่งตะวันออกของมาเลเซีย

การลักพาตัวครั้งล่าสุดได้รื้อฟื้นการเรียกร้องความร่วมมือเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์มากขึ้น นายโมฮัมหมัด ซาบู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย ย้ำถึงความมุ่งมั่นของประเทศมาเลเซียที่จะเพิ่มความมั่นคงในภูมิภาคทะเลซูลู รวมทั้งเชื้อเชิญให้อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ร่วมมือกับประเทศของตน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ เดอะจาการ์ตาโพสต์ “ทั้งสามประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย จำเป็นต้องเพิ่มความมั่นคง” นายโมฮัมหมัดกล่าว

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button