ติดอันดับ

ผู้นำญี่ปุ่นปฏิญาณว่าจะกระตุ้นบทบาทของประเทศในการเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ

ติดอันดับ | Feb 13, 2020:

ดิแอสโซซิเอทเต็ดเพรส

นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ให้คำมั่นในช่วงกลางเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 เพื่อเสริมสร้างบทบาทของประเทศตนภายใต้สนธิสัญญาความมั่นคงกับสหรัฐฯ ในด้าน “อวกาศและไซเบอร์สเปซ” เนื่องจากการครบรอบ 60 ปีของสนธิสัญญาระหว่างสองประเทศ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเป็นพันธมิตรด้านกลาโหมหลังสงคราม

นายโนบุสึเกะ คิชิ ปู่ของนายอาเบะ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในเวลานั้น ได้ลงนามในสนธิสัญญา ณ กรุงวอชิงตันเมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2503 กับนายดไวต์ ไอเซนฮาวร์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยสนธิสัญญานี้อนุญาตให้กองกำลังสหรัฐฯ หลายหมื่นนายเข้าประจำการและเรือรบอเมริกันเคลื่อนพลในญี่ปุ่นได้ ซึ่งแลกเปลี่ยนกับการที่สหรัฐฯ ต้องมีหน้าที่ปกป้องญี่ปุ่นในกรณีที่มีการโจมตีจากศัตรู

นายอาเบะกล่าวในการเปิดงานว่า “สหรัฐฯ และญี่ปุ่นได้ยกระดับความสัมพันธ์ต่อกันโดยจะปกป้องซึ่งกันและกัน ดังนั้น นี่จึงเป็นการให้กำลังแก่พันธมิตรต่อไป” “ในอนาคต ถือเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องเสริมความสัมพันธ์นี้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อให้เป็นเสาหลักในการปกป้องสันติภาพ และความมั่นคงในอวกาศและไซเบอร์สเปซ”

โดยวันครบรอบดังกล่าวมาพร้อมกับการที่รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนให้ญี่ปุ่นแบกรับค่าใช้จ่ายทางการเงินมากขึ้น และมีบทบาทด้านกลาโหมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากขึ้น

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์ในวันครบรอบว่า “เมื่อสภาพแวดล้อมด้านความปลอดภัยยังคงพัฒนาอยู่และความท้าทายใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นที่พันธมิตรของเราจะต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความแน่นแฟ้นให้มีมากขึ้นต่อไป” “ผมมั่นใจว่าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า การมีส่วนร่วมของญี่ปุ่นในการรักษาความมั่นคงร่วมกันของเราจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการเป็นพันธมิตรก็จะยังคงเฟื่องฟูขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน”

โดยสนธิสัญญาความมั่นคงระดับทวิภาคีถือว่าเป็นมรดกจากยุคสงครามเย็น เนื่องจากเบื้องต้น สนธิสัญญานี้ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้สหรัฐฯ เข้ามามีบทบาทในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกได้มากขึ้น เพื่อต่อต้านภัยคุกคามจากโซเวียต นับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต รัฐบาลสหรัฐฯ และรัฐบาลญี่ปุ่นได้กำหนดนิยามของสนธิสัญญานี้ใหม่ว่า เพื่อเป็นเสาหลักในการรักษาเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคเมื่อเผชิญกับภัยคุกคามใหม่จากจีนและเกาหลีเหนือ

นอกจากนี้ วันครบรอบของสนธิสัญญาฉบับนี้ยังเป็นเวลาที่หลานของผู้นำทั้งสองที่ลงนามในสนธิสัญญาได้ทบทวนประวัติศาสตร์อีกด้วย ในคำกล่าวเปิดงาน นายอาเบะกล่าวกับนางแมรี จีน ไอเซนฮาวร์ ซึ่งเป็นแขกรับเชิญในงานฉลองครบรอบว่า ปู่ของพวกเขาเคยเล่นกอล์ฟด้วยกันใน พ.ศ. 2500 ที่เบิร์นนิงทรีคลับ ใกล้กับนิวยอร์ก ซึ่งเป็นการสร้างมิตรภาพที่นำไปสู่การลงนามในสนธิสัญญาในที่สุด

โดยนายอาเบะและนางไอเซนฮาวร์ได้ดูรูปถ่ายที่ปู่ของทั้งสองคนกำลังเล่นกอล์ฟด้วยกัน ซึ่งจัดแสดงไว้นอกห้องโถงรับแขก (ภาพ: จากซ้าย นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น, นายเมอร์ริล ไอเซนฮาวร์ แอตวอเตอร์ เหลนของนายดไวท์ ไอเซนฮาวร์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ, นางแมรี จีน ไอเซนฮาวร์ หลานสาวของนายดไวท์ ไอเซนฮาวร์ และนายทาโร โคโนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น เดินชมนิทรรศการเกี่ยวกับสนธิสัญญาความมั่นคงระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ ก่อนการประชุมที่บ้านรับรองอิคุระในกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2563)

ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ไปเยือนโตเกียวเพื่อทำพิธีให้สัตยาบัน และอาจไปตีกอล์ฟอีกรอบใน พ.ศ. 2503 แต่แผนการพบปะกันอีกครั้งจำเป็นต้องยกเลิกไปเนื่องจากมีการประท้วงต่อต้านกองทัพสหรัฐฯ ในกรุงโตเกียวที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้นายไอเซนฮาวน์ต้องยกเลิกการเดินทาง รวมถึงเป็นเหตุให้นายคิชิลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

นายอาเบะได้ผลักดันให้กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นขยายบทบาทและขีดความสามารถในระดับสากล โดยสนับสนุนความร่วมมือและความเข้ากันได้กับอาวุธของสหรัฐฯ เนื่องจากได้ร่วมงานกับกองทหารสหรัฐฯ มากขึ้น นอกจากนี้ นายอาเบะยังรณรงค์เพื่อให้บรรลุถึงความฝันอันยาวนานของตนกับปู่ในการแก้ไขปัญหารัฐธรรมนูญฉบับหลังสงครามของญี่ปุ่นที่มีการร่างจากสหรัฐฯ

โดยใน พ.ศ. 2558 นายอาเบะตีความรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นอีกครั้งเพื่อให้สามารถใช้กำลังในการปกป้องญี่ปุ่นและพันธมิตรได้ อีกทั้งยังได้เพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมของญี่ปุ่น โดยอ้างถึงภัยคุกคามขีปนาวุธจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและเกาหลีเหนือ

นับตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์เข้ามาดำรงตำแหน่งเมื่อสามปีก่อน ญี่ปุ่นได้ซื้อระบบอาวุธและเทคโนโลยีทางทหารของอเมริกันมากขึ้น รวมถึงเครื่องบินขับไล่ เอฟ-35 อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงที่สำคัญที่สุดในแปซิฟิกตะวันตก

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button