ติดอันดับ

พรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งใน พ.ศ. 2563 ของไต้หวัน โดยใช้อาวุธอิทธิพลทางการเมือง

พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้วิธีการทางการเมืองมากมาย เข้าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของไต้หวันที่จะมีขึ้นในเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 รวมทั้งขัดขวางกระบวนการประชาธิปไตย ตามรายงานของทางการและนักวิเคราะห์ข่าวกรองของไต้หวัน

โดยใช้ความเปิดกว้างของประชาธิปไตยและ “ช่องโหว่” ของไต้หวัน ในกระบวนการเข้าแทรกซึมและบ่อนทำลายสถาบันประชาธิปไตย ตามข้อมูลจากคณะกรรมการกิจการจีนแผ่นดินใหญ่ หน่วยงานบริหารระดับคณะรัฐมนตรีของไต้หวันที่วางแผน พัฒนา และดำเนินการนโยบายระหว่างสาธารณรัฐจีน หรือ ไต้หวัน และสาธารณรัฐประชาชนจีน หนังสือพิมพ์ดิอีโพชไทมส์รายงาน

เริ่มแรก พรรคคอมมิวนิสต์จีนจ่ายเงินให้กับบริษัทสื่อและสำรวจความคิดเห็น เพื่อจัดทำและเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นปลอม ซึ่งเข้าข้างผู้ลงสมัครเลือกตั้งที่ฝักใฝ่พรรคคอมมิวนิสต์ ตัวอย่างหนึ่งคือ กระทรวงยุติธรรมของไต้หวันพบว่าประธานของบริษัทสื่อออนไลน์ในไต้หวัน ยอมรับเงินทุนจากสำนักงานกิจการไต้หวันของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อการหยั่งเสียงประธานาธิบดีเบื้องต้นของพรรคก๊กมินตั๋งใน พ.ศ. 2562 ตามรายงานของดิอีโพชไทมส์

พรรคคอมมิวนิสต์จีนชักจูงและข่มขู่สมาชิกของพรรคประชาธิปไตยและบุคคลสำคัญของรัฐบาลไต้หวันที่ปกครองอยู่ในปัจจุบัน ด้วยเงินทุนและแรงกดดันทางการเมืองเพื่อส่งเสริมผู้ลงสมัครเลือกตั้งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในการโต้กลับการระดมทุนผิดกฎหมายของผู้ลงสมัครเลือกตั้งตำแหน่งทางการเมือง ไต้หวันได้สอบสวนคดีมากกว่า 30 คดีที่กล่าวหาว่าจีนให้เงินทุนการหาเสียงเลือกตั้งที่ต่อต้านพรรคประชาธิปไตยไทเปไทมส์รายงานเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2561

พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้แทรกซึมแวดวงธุรกิจของไต้หวัน และกดดันผู้นำธุรกิจให้สนับสนุนผู้ลงสมัครเลือกตั้งของพรรคคอมมิวนิสต์ โดยเคลื่อนย้าย “นักธุรกิจชาวไต้หวันพร้อมครอบครัวที่อาศัยอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่กลับไปยังไต้หวันเพื่อลงคะแนนเสียง และส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวขยายรวมถึงเพื่อนพ้อง ให้ลงคะแนนเสียงที่เป็นมิตรกับจีน” นางบอนน์ เกลเซอร์ ที่ปรึกษาอาวุโสและผู้อำนวยการโครงการอำนาจจีน แห่งศูนย์ยุทธศาสตร์และนานาชาติศึกษา ให้การต่อคณะกรรมการทบทวนเศรษฐกิจและความมั่นคงระหว่างสหรัฐฯ และจีน เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2562

พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้แทรกซึมสื่อของไต้หวันอย่างเป็นระบบ เพื่อบังคับให้สื่อผลิตมติมหาชนที่ส่งเสริมผู้เข้าชิงตำแหน่งของพรรคคอมมิวนิสต์สู้กับผู้ลงสมัครเลือกตั้งคนอื่น ๆ “คำว่า ‘สื่อสีแดง’ บัญญัติขึ้นเพื่อเน้นการแทรกซึมของพรรคคอมมิวนิสต์จีนต่อกลุ่มองค์กรสื่อของไต้หวัน ซึ่งส่งผลให้มีการให้ข่าวที่ฝักใฝ่จีน การตรวจพิจารณาตนเอง และการส่งเสริมผู้ลงสมัครเลือกตั้งที่รัฐบาลจีนนิยมชมชอบ” นางเกลเซอร์กล่าว พรรคคอมมิวนิสต์จีนและสาธารณรัฐประชาชนจีนได้จ่ายเงินให้กับกลุ่มสื่อของไต้หวันเพื่อส่งเสริมจีนในรูปแบบสิ่งพิมพ์และทางโทรทัศน์ อีกทั้งสำนักงานกิจการไต้หวันได้ให้เงินแก่สื่อมวลชนบางรายเพื่อติดตามทิศทางรายวัน หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2562

นอกจากนี้ยังใช้กองทัพ 50-เซนต์ ซึ่งประกอบด้วยบุคคลที่ได้รับค่าจ้างให้โพสต์ข้อความเชิงสนับสนุนจีน เพื่อโจมตีผู้ลงสมัครเลือกตั้งที่ต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์บนเว็บไซต์สื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก กลุ่มดังกล่าวโจมตีเว็บไซต์ในไต้หวันอย่างน้อย 2,500 ครั้งต่อวัน ตามรายงานในเอเชียรีพอร์ต ฉบับเดือนมกราคม พ.ศ. 2562 จากศูนย์เอเชียศึกษาซิกูร์ของมหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน

“ความกังวลครั้งใหญ่ก่อนหน้าการเลือกตั้งใน พ.ศ. 2563 คือจีนจะพยายามทำสิ่งเดียวกับที่เคยทำเมื่อ พ.ศ. 2561 แต่ด้วยทรัพยากรที่เพิ่มมากขึ้น” นายคาร์ริส เทมเปิลแมน ผู้จัดการโครงการของโครงการประชาธิปไตยและความมั่นคงไต้หวัน และนักวิชาการด้านสังคมศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าวกับสำนักงานวิจัยเอเชียแห่งชาติเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 “อาจมีการรณรงค์ที่แพร่หลายมากขึ้นในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อพยายามทำให้ผู้ลงสมัครเลือกตั้งบางรายเสื่อมเสียชื่อเสียง และช่วยเหลือผู้ลงสมัครเลือกตั้งรายอื่น ๆ หากการรณรงค์นี้ทำการอย่างลับ ๆ ใช้เงินที่เป็นการทุจริตระบบการเมือง หรือบีบบังคับบุคคลสำคัญให้สนับสนุนนโยบายและผู้ลงสมัครเลือกตั้งของรัฐบาลจีนอย่างเปิดเผย ก็ถือเป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่ากังวล”

(ภาพ: ผู้หญิงคนหนึ่งลงคะแนนเสียงในระหว่างการเลือกตั้งเมื่อ พ.ศ. 2561 ที่เมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้าแทรกแซงโดยใช้สื่อสังคมออนไลน์ เงินทุนผิดกฎหมายและข่าวเท็จ ตามรายงานของสื่อต่าง ๆ)

นอกจากนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังแพร่กระจายข่าวปลอมทางอินเทอร์เน็ต เพื่อบ่มเพาะความไม่พอใจและการเป็นปรปักษ์กับผู้ลงสมัครเลือกตั้งบางราย เพื่อโต้กลับข่าวปลอม ไต้หวันได้เพิ่มการตรวจสอบข้อเท็จจริง และส่งเสริมความรอบรู้ด้านข่าวสารแก่ประชาชน รวมถึงสร้างศูนย์ตรวจสอบข้อเท็จจริงของไต้หวัน ตามรายงานของไทเปนิวส์ เฟซบุ๊ก ไลน์ ยาฮู-กิโม และกูเกิลยังมุ่งควบคุมบัญชีปลอมและการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารในไต้หวัน ไทเปไทมส์รายงาน

นายเทมเปิลแมนเชื่อว่าผู้ลงคะแนนเสียงชาวไต้หวัน จะรู้เท่าทันความพยายามที่หลากหลายของจีนที่จะครอบงำกระบวนการทางการเมืองของไต้หวัน

“จากประวัติการเข้าแทรงแซงของจีนในการเลือกตั้งของไต้หวัน ฉันมักมองโลกในแง่ดีว่าผู้ลงคะแนนเสียงชาวไต้หวันในภาพรวม ในปัจจุบัน ค่อนข้างคลางแคลงใจเกี่ยวกับเสียงที่สนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์จีน จึงมีแนวโน้มที่จะหวั่นไหวต่อการดำเนินการชักจูงน้อยลง แต่เรายังคงต้องตื่นตัวกับความเป็นไปได้ที่ประชาธิปไตยของไต้หวันอาจได้รับความเสียหายจากการรณรงค์อย่างเป็นระบบ วิธีที่ดีที่สุดในระยะยาวเพื่อรับมือกับภัยคุกคามสำหรับไต้หวัน คือการเสริมสร้างการจัดตั้งสถาบันประชาธิปไตยของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการเงินของการรณรงค์สาธารณะ ข้อกำหนดด้านความโปร่งใส จริยธรรมสื่อมวลชน และการกำกับดูแลกระบวนการยุติธรรม”

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button