
ผลสำรวจ: ประเทศเพื่อนบ้านของจีนกังวลเกี่ยวกับอำนาจทางกองทัพและเศรษฐกิจของจีน
เอเจนซ์ ฟรานซ์-เพรส
ผลสำรวจเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 แสดงให้เห็นว่าประเทศเพื่อนบ้านของจีนรู้สึกถูกคุกคามจากการลงทุนและอำนาจทางทหารในต่างประเทศของจีน แม้ว่าผู้คนในหลายประเทศทั่วโลกจะมองการเติบโตทางเศรษฐกิจของมหาอำนาจของเอเชียประเทศนี้ในแง่ดีก็ตาม
การสำรวจของศูนย์วิจัยพิวที่ตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตันพบว่า ในขณะที่ประชาชนครึ่งหนึ่งในญี่ปุ่นเห็นพ้องต้องกันว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนเป็นสิ่งดี แต่การลงทุนมหาศาลที่เห็นได้ชัดกว่าร้อยละ 75 จากสาธารณรัฐประชาชนจีนในประเทศญี่ปุ่นกลับถูกมองในแง่ลบ
นอกจากนี้ ผลสำรวจในออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ก็เป็นไปตามรูปแบบที่คล้ายกัน จากการสำรวจของประชาชนกว่า 38,000 คนใน 34 ประเทศ
โดยรวมแล้วร้อยละ 79 ของผู้คนที่ทำแบบสำรวจทั่วภูมิภาคอินโดแปซิฟิกกล่าวว่าตนเองตื่นตระหนกกับความแข็งแกร่งทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีน โดยมีประชาชนมากถึง 9 ใน 10 คนในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่รู้สึกเช่นนี้ นักวิจัยของพิวกล่าว (ภาพ: พบขีปนาวุธนิวเคลียร์ข้ามทวีป ดีเอฟ-41 ของจีนในระหว่างขบวนพาเหรดทางทหารที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในวันครบรอบ 70 ปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน)
ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลกอย่างจีนได้ใช้แนวทางที่ดึงดันมากขึ้นต่อความสัมพันธ์ต่างประเทศภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
จีนได้สร้างกองบัญชาการทหารขึ้นและส่งเรือสำรวจไปยังพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ซึ่งยังมีการโต้แย้งกันอย่างรุนแรงระหว่างหลายประเทศที่อ้างสิทธิในพื้นที่
ขณะเดียวกัน จีนได้ขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจไปทั่วโลกผ่านการลงทุนในต่างประเทศ เงินกู้ และความช่วยเหลือแก่ประเทศกำลังพัฒนา
การสำรวจยังพบว่าประชาชนในตลาดเกิดใหม่มีแนวโน้มที่จะมองการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในแง่บวกมากกว่าในประเทศที่พัฒนาแล้ว
เคนยา ไนจีเรีย และแอฟริกาใต้มองความน่าเชื่อถือของจีนในฐานะพันธมิตรในแง่บวกมากที่สุด โดยร้อยละ 30, 22 และ 19 ของประชาชนในประเทศเหล่านี้ตามลำดับ ขนานนามจีนว่าเป็นพันธมิตรอันดับต้น ๆ แม้ว่าประเทศเหล่านี้จะแสดงออกถึงความพึงพอใจที่เพิ่มมากขึ้นต่อสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกมองว่าจีนเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุด รวมถึงชาวญี่ปุ่นครึ่งหนึ่งและชาวฟิลิปปินส์ร้อยละ 62
“ประชาชนส่วนใหญ่ในหลายประเทศยังกล่าวด้วยว่า ทั้งสหรัฐฯ และจีนมีอิทธิพลมากหรือมีอิทธิพลพอสมควรต่อภาวะเศรษฐกิจในประเทศของตน” รายงานของศูนย์วิจัยพิวระบุ