ข่าวผู้ก่อการร้ายแผนก

อินเดียและสหรัฐฯ เพิ่มความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้าย

ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

อินเดียและสหรัฐอเมริกาได้บรรลุข้อตกลงที่จะเพิ่มความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้ายด้วยการขยายขอบเขตในการแลกเปลี่ยนข่าวกรองเกี่ยวกับผู้ที่มีแนวคิดสุดโต่งที่เป็นที่รู้จักหรือเป็นผู้ต้องสงสัยและภัยคุกคามจากผู้ก่อการร้าย

หลังเสร็จสิ้นการเจรจาเชิงกลยุทธ์ครั้งที่สองระหว่างสหรัฐฯ และอินเดียในกรุงนิวเดลีเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559 นายจอห์น

เคอร์รี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในขณะนั้น และนางสุษมา สวราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย กล่าวว่า ทั้งสองประเทศยังคงมีความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องที่จะติดตาม และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดที่ก่อการร้ายด้วยการโจมตีหลายครั้งบนแผ่นดินอินเดีย การก่อการร้ายเหล่านี้ ได้แก่ การโจมตีที่เมืองมุมไบในปี พ.ศ. 2551 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 172 คน และการโจมตีที่ฐานทัพอากาศปาทานกฏในเดือนมกราคม พ.ศ. 2559 อินเดียได้กล่าวประณามกลุ่มก่อการร้ายที่มีความเชื่อมโยงกับปากีสถานว่าเป็นผู้ก่อเหตุโจมตี

ในระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับนายเคอร์รี พร้อมด้วยนางเพนนี พริทซ์เกอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ในขณะนั้น และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของอินเดีย นางสวราชกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า “ปากีสถานมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องกวาดล้างแหล่งกบดานและเครือข่ายก่อการร้าย” และ “ปากีสถานต้องมีการดำเนินการมากกว่านี้เพื่อนำผู้กระทำผิดฐานก่อเหตุโจมตีในสองเหตุการณ์ดังกล่าวมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว”

นางสวราชกล่าวว่า ตนและนาย เคอร์รีได้มี “การประชุมแบบร่วมใจ” เกี่ยวกับแนวคิดสุดโต่งข้ามพรมแดนที่แพร่กระจายจากกลุ่มหัวรุนแรงในปากีสถานที่อินเดียและประเทศเพื่อนบ้านต้องเผชิญ “เราทั้งสองเห็นพ้องกันว่า ประเทศต่าง ๆ ต้องไม่มีการปฏิบัติแบบสองมาตรฐาน เช่น การแบ่งประเภทระหว่างผู้ก่อการร้ายที่ดีและไม่ดี หรือต้องไม่ทำตัวเป็นแหล่งกบดานให้กับผู้ก่อการร้าย” นางสวราชกล่าว

ทหารจากกองทัพบกอินเดียในเมืองจามูนา บาเลีย ยิงสลุตในงานศพของนายกังกาดาร์ ดาไล เพื่อนร่วมกองทัพที่เสียชีวิตในระหว่างการโจมตีโดยกลุ่มหัวรุนแรงในเมืองอูรี แคว้นกัศมีร์ เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2559 ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

นายเคอร์รีกล่าวว่าสหรัฐฯ “มีจุดยืนร่วมกับอินเดียในการต่อต้านการก่อการร้ายทุกรูปแบบไม่ว่าจะมาจากที่ไหนก็ตาม” อย่างไรก็ตาม นายเคอร์รีกล่าวว่าตนได้เจรจากับทางการปากีสถานเมื่อเร็ว ๆ นี้เกี่ยวกับ “ความจำเป็นที่ปากีสถานต้องไม่เปิดโอกาสให้กลุ่มก่อการร้ายใด ๆ ใช้ประเทศเป็นที่หลบภัย” นายเคอร์รีได้กล่าวเจาะจงถึงเครือข่ายฮักกอนีที่ก่อเหตุในอัฟกานิสถาน ตลอดจนกลุ่มลัชการ์ อี ไตบาที่ถูกกล่าวหาว่าก่อเหตุโจมตีในอินเดีย
“สิ่งสำคัญยิ่งก็คือ ปากีสถานจะต้องเข้าร่วมกับประเทศอื่น ๆ ในการแก้ปัญหานี้ และถ้าจะพูดอย่างเป็นธรรมแล้ว ในช่วงไม่กี่สัปดาห์และไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ปากีสถานก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าเชื่อถือมากขึ้น” นายเคอร์รีกล่าว
รัฐมนตรีของทั้งสองประเทศระบุว่า ความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้ายจะประกอบไปด้วยการขยายขอบเขตในการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ผ่านการคัดกรอง และการเร่งกระบวนการร้องข้อมูลจากทั้งสองประเทศที่เกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นผู้ก่อการร้าย

การเจรจาแบบทวิภาคีระหว่างอินเดียกับสหรัฐฯ เกิดขึ้นในภาวะที่ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นในแคว้นกัศมีร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ขัดแย้งและมีสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างอินเดียและปากีสถานมายาวนาน การประท้วงที่ใหญ่ที่สุดในกัศมีร์เพื่อต่อต้านการปกครองของอินเดียได้เกิดขึ้นเป็นบางครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 68 คนและมีผู้บาดเจ็บหลายพันคนในภูมิภาคหิมาลัยแห่งนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากการที่รัฐบาลยิงกระสุนและปืนลูกซองใส่ผู้ประท้วงที่ขว้างปาหินนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2559

ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559 ทางการอินเดียได้ยกเลิกมาตรการห้ามออกนอกเคหสถานในเวลากำหนดที่เคยประกาศไว้ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของกัศมีร์ที่ปกครองโดยอินเดีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายควบคุมพื้นที่เพื่อรักษาความปลอดภัย 52 วัน รัฐบาลได้ประกาศมาตรการดังกล่าวอีกครั้งในกัศมีร์ซึ่งเป็นเมืองหลักของภูมิภาคหลังจากที่มีการประท้วงเพื่อต่อต้านอินเดียและการปะทะเกิดขึ้นในหลาย ๆ ละแวก

นางสวราชกล่าวว่า อินเดียยังคงพร้อมที่จะเปิดการเจรจากับปากีสถาน แต่การเจรจาดังกล่าวเป็นเรื่องที่ยากลำบากเนื่องจากอินเดียยังคงเป็นเป้าหมายของกลุ่มต่าง ๆ ในปากีสถาน สหรัฐฯ ได้เรียกร้องอย่างต่อเนื่องให้มีการเจรจาระหว่างอินเดียและปากีสถานเกี่ยวกับกรณีพิพาท และในการประชุมกับนายอาจิต โดวาล ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติอินเดีย นายเคอร์รีได้กล่าวย้ำถึงจุดยืนดังกล่าวอีกครั้งตามที่ทางการสหรัฐฯ ระบุ

ทั้งสองประเทศยังเห็นพ้องที่จะเริ่มการเจรจาแบบสามฝ่ายใหม่อีกครั้งกับอัฟกานิสถานเพื่อหารือเกี่ยวกับอนาคตของประเทศนี้ และทั้งคู่ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อต่อสู้และตอบโต้การโจมตีทางไซเบอร์

สองประเทศนี้ยังได้ยืนยันคำมั่นอีกครั้งที่จะเพิ่มความร่วมมือในเรื่องที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาพลังงานสะอาด รวมถึงการดำเนินการสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์หกเครื่องโดยบริษัทเวสติงเฮาส์ของหรัฐฯ ที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button