ติดอันดับ

ผู้เชี่ยวชาญไม่ยอมรับการปฏิเสธของเกาหลีเหนือว่าไม่มีอาวุธเคมี

เอเจนซ์ ฟรานซ์-เพรส

แม้จะมีการกล่าวอ้างในทางตรงกันข้าม แต่เกาหลีเหนือมีอาวุธเคมีมากถึง 5,000 เมตริกตัน รวมถึงชีวพิษที่ใช้ในการลอบสังหารพี่ชายต่างมารดาของผู้นำเกาหลีเหนือ ผู้เชี่ยวชาญชาวเกาหลีใต้ระบุ

ร่องรอยของวีเอ็กซ์ซึ่งเป็นสารที่ส่งผลต่อประสาท โดยองค์การสหประชาชาติระบุอยู่ในรายชื่อของอาวุธทำลายล้างสูง ถูกตรวจพบจากตัวอย่างเซลล์จากใบหน้าและดวงตาของนายคิม จอง นัม ซึ่งได้รับสารพิษที่สนามบินระหว่างประเทศในกรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ตำรวจมาเลเซียกล่าว

ตำรวจมาเลเซียจับกุมบุคคลสามคน โดยสองคนเป็นหญิงจากอินโดนีเซียและเวียดนามซึ่งจะถูกพิพากษาประหารชีวิตโดยการแขวนคอหากพบว่ามีความผิด และชายชาวเกาหลีเหนืออีกหนึ่งคน แต่ยังต้องสอบสวนบุคคลอื่น ๆ อีกเจ็ดคน ซึ่งสี่คนในนี้เชื่อว่าได้หลบหนีไปยังกรุงเปียงยางแล้ว

กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุในสมุดปกขาวด้านกลาโหมของตนเมื่อปี พ.ศ. 2557 ว่า เกาหลีเหนือเริ่มผลิตอาวุธเคมีในทศวรรษ 1980 (พ.ศ. 2523-2532) และคาดว่าเกาหลีเหนือมีอาวุธเคมีประมาณ 2,500 ถึง 5,000 เมตริกตันในคลังสินค้า

เกาหลีเหนือมีโรงงานผลิตอาวุธเคมีแปดแห่ง รวมถึงที่ท่าเรือทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองช็องจิน และในเมืองชินอึยจูทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาหลีเหนือ สมุดปกขาวด้านกลาโหมฉบับปี พ.ศ. 2555 ระบุ

“เชื่อว่าเกาหลีเหนือเก็บสะสมวีเอ็กซ์จำนวนมากไว้ในคลังสินค้า ซึ่งสามารถผลิตออกมาได้อย่างง่ายดายด้วยต้นทุนที่ต่ำ” นายลี อิล-วู นักวิเคราะห์ด้านกลาโหมแห่งเครือข่ายกลาโหมเอกชนของเกาหลีกล่าว

วีเอ็กซ์ได้รับการพัฒนาเมื่อ 100 ปีที่ผ่านมา โดยสามารถผลิตได้ที่ห้องปฏิบัติการหรือโรงงานขนาดเล็กที่ผลิตสารกําจัดศัตรูพืช นายลีกล่าว

“การปล่อยอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพอาจกระทำด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น ปืนใหญ่ ขีปนาวุธ และเครื่องบิน” นายลีกล่าวเพิ่มเติม

หากสารที่ส่งผลต่อประสาทที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นชนิดนี้ซึมผ่านผิวหนัง ดวงตา หรือจมูกแม้เพียงหยดเล็ก ๆ ก็เพียงพอที่จะทำลายระบบประสาทส่วนกลางของเหยื่อให้ถึงแก่ชีวิต

ศาสตราจารย์คิม จอง-ฮา นักวิทยาศาสตร์การทหารแห่งมหาวิทยาลัยฮานนามกล่าวว่า เกาหลีเหนือมีสารที่ส่งผลต่อประสาท 16 ชนิด รวมถึงวีเอ็กซ์และซารินที่ใช้โดยโอมชินริเกียว ซึ่งเป็นลัทธิโลกาวินาศของญี่ปุ่นในการโจมตีระบบรถไฟใต้ดินของญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ. 2538 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 12 คน

ศาสตราจารย์คิมกล่าวว่า นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังมีสารเคมีที่ทำให้ถึงตายอื่น ๆ เช่น สารที่ส่งผลให้หายใจไม่ออก เป็นแผลพุพอง และสารที่ส่งผลต่อเลือด รวมทั้งอาวุธชีวภาพ 13 ชนิด เช่น แอนแทรกซ์ และกาฬโรคต่อมน้ำเหลือง (ภาพ: นักบินของกลุ่มนักบินขับไล่ที่ 38 ของสาธารณรัฐเกาหลี ล้างทำความสะอาดหน้ากากของตนที่สถานีการขจัดการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีในระหว่างการโจมตีจำลอง)
นายโจเซฟ เอส. เบอร์มิวเดซ จูเนียร์ นักวิเคราะห์ด้านกลาโหมกล่าวว่า เกาหลีเหนือ “ผลิตและครอบครองขีดความสามารถที่จะใช้อาวุธเคมีจำนวนมากและหลากหลายอย่างมีประสิทธิภาพทั่วทั้งคาบสมุทรเกาหลี” และอาจมีหัวรบอาวุธเคมีสำหรับขีปนาวุธมากถึง 150 ลูก

“นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังมีความสามารถที่จะใช้อาวุธเหล่านี้ทั่วโลกโดยการปล่อยอาวุธเคมีด้วยวิธีการที่ไม่เป็นไปตามแบบแผน แม้จะมีความเป็นไปได้น้อยกว่า” นายเบอร์มิวเดซเขียนลงในเว็บไซต์ 38 นอร์ธ ของสถาบันสหรัฐฯ-เกาหลี ซึ่งถูกเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเมื่อปี พ.ศ. 2556

มี “หลักฐานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ” ว่า เกาหลีเหนือมีประวัติ “ที่เป็นภัยอันตราย” สำหรับขีดความสามารถในการแพร่กระจายอาวุธเคมีไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น ซีเรียและอิหร่าน นายเบอร์มิวเดซระบุ

เกาหลีเหนือไม่ได้ลงนามในสนธิสัญญาอาวุธเคมีทั่วโลกที่ห้ามมิให้มีการผลิต สะสม และใช้อาวุธเคมีต่าง ๆ

ประเทศต่าง ๆ มากกว่า 160 ประเทศลงนามในสนธิสัญญาดังกล่าวซึ่งมีผลบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2540

ในการประเมินเมื่อปี พ.ศ. 2558 โครงการคุกคามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งมีฐานในกรุงวอชิงตันระบุว่า “เกาหลีเหนืออ้างว่าตนไม่ได้ครอบครองอาวุธเคมี

ในขณะที่การประเมินการเก็บสะสมในคลังสินค้าและขีดความสามารถเป็นเรื่องยาก แต่คาดว่าสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ครอบครองอาวุธเคมีจำนวนมากที่สุดในโลก โดยอยู่ในอันดับสามรองจากสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย”

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button