
หมากรุกโบราณของพม่า
เอเจนซ์ ฟรานซ์ เพรส | ภาพโดย เอเอฟพี/เก็ตตี้อิมเมจ
นายเทียน ซอ วางหมากตัวลิงบนกระดานเพื่อกินหมากตัวยักษ์ของคู่ต่อสู้ ในการแข่งขันหมากรุกโบราณของพม่าที่กลุ่มผู้อนุรักษ์พยายามช่วยกันฟื้นฟูให้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง
“ซิตตูยิน” คือชื่อหมากรุกโบราณของพม่าซึ่งคล้ายกับหมากรุกสากลสมัยใหม่ แต่มีตัวหมากที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและวิธีการเดินหมากที่มีลักษณะเหมือนกับการวางแผนกลยุทธ์ในการรบจริง ๆ
หมากตัวช้างเคลื่อนที่แบบทะลุทะลวงไปทั่วกระดาน ในขณะที่หมากนายกองทหารจะเดินแบบเดียวกับตัวราชินีในหมากรุกสากล และผู้เล่นสามารถวางหมากหลายตัวตรงไหนก็ได้ตามที่ตนต้องการหลังตัวเบี้ยแถวหน้าที่ดูเหมือนพร้อมออกรบเต็มที
“การเดินหมากอาจทำให้คุณรู้สึกฮึกเหิมเหมือนกำลังอยู่ในสนามรบจริง ๆ” นายเทียน ซอ ผู้ชนะเลิศการแข่งขันหมากรุกพม่าห้าสมัยกล่าวในระหว่างการแข่งซิตตูยินครั้งล่าสุดที่จัดขึ้นกลางกรุงย่างกุ้ง
การเดินหมากของเขาดูฮึกเหิมตั้งแต่ต้น เพียงครู่เดียวก็มีตัวหมากนอนตายกองเต็มทั้งสองฝั่งของกระดาน
ไม่นานกองทัพของทั้งสองฝ่ายก็ตกอยู่ในวงล้อม และการแข่งขันก็ดำเนินต่อไปอย่างยาวนานจนถึงช่วงบ่ายที่อากาศร้อนอบอ้าว มีเพียงเสียงอุทานเป็นระยะ ๆ บางครั้งผู้เล่นก็จัดโสร่งให้เข้าที่หรือขยับแว่นตาอย่างครุ่นคิด
ทุกวันนี้ซิตตูยินไม่ได้รับความนิยมเหมือนแต่ก่อน ภาพการเล่นหมากรุกพม่าจึงหาดูได้ยากขึ้นทุกที
ชุดหมากรุกโบราณที่หายาก และการสาบสูญของความรู้เกี่ยวกับกฎการเล่นทำให้ความสนใจในหมากรุกชนิดนี้ลดลงไปเรื่อย ๆ จนในปัจจุบันเหลือคนเข้าร่วมการแข่งขันไม่ถึง 100 คน
“นี่เป็นเกมโบราณ และเราอยากทำให้มันฟื้นคืนชีพอีกครั้ง” นายเทียน ซอ กล่าว
ชุดหมากรุกทำมือของนายเทียน ซอ ที่ประกอบไปด้วยตัวลิงและตัวยักษ์ ทำให้นึกถึงการถือกำเนิดครั้งแรกของเกมนี้ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินเดีย ซึ่งการเล่นหมากรุกนั้นแสดงถึงการต่อสู้ตามตำนานโบราณระหว่างความดีและความชั่ว ซึ่งก็คือฝ่ายพระรามและหนุมานกับฝ่ายราชายักษ์ทศกัณฑ์
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่านั่นอาจจะหมายความว่าหมากรุกพม่าอาจมีอายุเก่าแก่ถึง 1,000 ปี
นายฌอง หลุยส์ คาโซส์ ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือบอกเล่าประวัติศาสตร์ของหมากรุกอย่างละเอียดกล่าวว่า ซิตตูยิน มีความคล้ายคลึงกับหมากรุกดั้งเดิมของไทยและกัมพูชา และเป็นส่วนเติมเต็มที่สำคัญของหมากรุกแบบต่าง ๆ ทั่วโลก
“ความหลากหลายคือความมั่งคั่ง ถ้าเราสามารถอนุรักษ์เกมเหล่านี้เอาไว้ได้ เราก็ต้องอนุรักษ์ไว้” นายคาโซส์กล่าว
ซิตตูยินยังคงรักษาไว้ซึ่งความสง่างามเหมือนกับสมัยที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้เกมนี้เพื่อวางแผนการรบจริง ซึ่งในตอนนั้นช้างเป็นอาวุธที่น่ากลัว คำว่า “ซิต” ในภาษาพม่าหมายถึง “สงคราม”
“กษัตริย์เมียนมาร์ (พม่า) ร่วมต่อสู้ในแนวหน้าทุกครั้งที่เกิดสงคราม และเช่นเดียวกัน ผลของการเดินหมากรุกก็ขึ้นอยู่กับตัวพระราชา” นายวิน อ่อง รองประธานสมาคมหมากรุกพม่ากล่าว
การเดินหมากรุกแบบโบราณจะใช้วิธีวางตัวหมากกระแทกกับกระดานไม้เสียงดังเพื่อข่มขวัญฝ่ายตรงข้ามในบางครั้งด้วย
“ตอนที่พ่อกับปู่ของผมเล่นหมากรุก มันจะเป็นอย่างนี้เลย” นายวิน อ่อง พูดพลางจับตัวเบี้ยกระแทกลงบนกระดานดังโครม “พวกเราตกใจมาก”
ตอนนี้ตัวหมากเหล่านั้นกลายเป็นมรดกตกทอดที่ต้องทะนุถนอม ช้างสีแดงและดำที่สง่างาม ปราสาท และม้าที่กำลังวิ่งควบล้วนมีพื้นผิวราบเรียบจากการทำสงครามบนโต๊ะเป็นเวลานานกว่าศตวรรษ
ชุดหมากรุกโบราณเป็นสิ่งหายากในพม่า ที่ซึ่งการปกครองอย่างโหดร้ายโดยทหารกว่าครึ่งศตวรรษได้ทำลายวัฒนธรรมและนำมาซึ่งความยากจน และเปลี่ยนให้ชุดหมากรุกไม้โบราณที่สลักเสลาอย่างอ่อนช้อยงดงามกลายเป็นสิ่งของหรูหรา
พวกมันถูกขายออกไปชิ้นแล้วชิ้นเล่า
“นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศชอบซื้อชุดหมากรุกโบราณเวลามาที่นี่ คนเมียนมาร์ขายตัวหมากให้นักท่องเที่ยวในฐานะงานศิลปะสมัยโบราณ จนตอนนี้แทบจะไม่มีตัวหมากเหลืออยู่อีกแล้ว” นายวิน อ่องกล่าว
ชุดหมากรุกที่แกะสลักขึ้นใหม่มีราคาประมาณ 300 เหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 10,537 บาท) ซึ่งนับว่าแพงเกินเอื้อมสำหรับคนทั่วไปในประเทศที่ประชาชนยังคงยากจน ดังนั้นกลุ่มผู้เล่นหมากรุกจึงต้องหาวิธีดึงดูดให้คนหันมาสนใจ
ตอนนี้ชุดหมากรุกพลาสติกราคาถูกและหนังสือวิธีการเล่นที่มีทั้งภาษาพม่าและภาษาอังกฤษได้ออกวางตลาดแล้ว และคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีก็สามารถเล่นหมากรุกโบราณนี้ได้บนโทรศัพท์มือถือซึ่งตอนนี้มีอยู่อย่างแพร่หลาย เนื่องจากพม่าได้เปิดประเทศแล้วหลังจากประชาชนต้องอยู่ภายใต้กฎที่เข้มงวดมาหลายทศวรรษ
บริษัทพัฒนาแอปพลิเคชันทางเว็บไซต์ชื่อ โททอล เกม เพลย์ ได้เปิดตัวแอปหมากรุกพม่าสำหรับโทรศัพท์มือถือในช่วงปลายปี พ.ศ. 2556 และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มีผู้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันดังกล่าวไปแล้วถึง 200,000 ครั้ง
นายสาย เพ โพ ฮัน ผู้จัดการฝ่ายการตลาดวัย 25 ปีของบริษัทกล่าวว่า นักเล่นเกมหมากรุกชาวพม่าชอบตัวหมากสีสดใสของซิตตูยิน และชอบที่ผู้เล่นสามารถสลับไปมาระหว่าง “กองทัพหลวง กองทัพไทยและกองทัพยักษ์”
“ผมอยากทำเกมมือถือหลาย ๆ แบบที่เป็นแบบเมียนมาร์จริง ๆ และทำให้วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ให้ความบันเทิง” นายสาย เพ โพ ฮันกล่าว