อิตาลี: การฟื้นฟู อุตสาหกรรม ไหม
กลุ่มหนอนไหมกำลังกินใบหม่อนพื้นเมืองในแคว้นเวเนโตซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอิตาลี พวกมันช่วยหล่อเลี้ยงความหวังในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมไหมที่มีอายุพันปีของประเทศอิตาลี
หลายทศวรรษหลังจากโรงไหมแห่งสุดท้ายของเวเนโตปิดตัวลงเมื่อความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจช่วงหลังสงครามดึงดูดให้เกษตรกรเดินทางไปทำงานในเมือง ผู้ผลิตเส้นไหมดิบรุ่นใหม่ก็พยายามค้นหาแหล่งวัตถุดิบคุณภาพสูง
“นี่เป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหม่สำหรับอุตสาหกรรมที่เคยรุ่งเรืองมานานจนกระทั่งเมื่อ 50 ปีก่อน” นายจิแอมปิเอโตร ซอนตา ช่างทำอัญมณีที่เริ่มผลิตเส้นไหมของตนเองเพื่อสร้างสรรค์เครื่องประดับประเภทกำไลข้อมือและสร้อยคอที่ถักทอจากทองและเส้นไหม
แต่กระนั้น อุตสาหกรรมไหมยุคใหม่ของอิตาลีก็ยังนับว่ามีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับปริมาณไหม 130,000 ตันที่จีนผลิตในปี พ.ศ. 2556
อิตาลีซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำเข้าไหมรายใหญ่ที่สุดในโลก ใช้ไหมจากจีนเป็นหลักเพื่อนำมาผลิตผ้าไหมสำเร็จรูป เนคไท ผ้าพันคอ เสื้อและชุดกระโปรง
ความพยายามในการผลิตเส้นไหมเองนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของการผลิตเส้นไหมในต่างประเทศที่ค่อย ๆ เกิดขึ้น เนื่องจากค่าแรงที่เพิ่มขึ้นในเอเชียเริ่มส่งผลกระทบกับอัตรากำไรสุทธิที่เคยสูงมากและเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้บริษัทต่าง ๆ ในยุโรปเข้าไปผลิตเส้นไหมในต่างประเทศมานาน
มีการนำไข่ของตัวไหมและเทคนิคการเลี้ยงจากเอเชียมายังยุโรปตามเส้นทางการค้าที่รู้จักกันในชื่อเส้นทางสายไหม โดยมาถึงอิตาลีเมื่อราว ๆ ปี พ.ศ. 1543
อย่างไรก็ตาม สงครามโลกทั้งสองครั้งซึ่งเกิดขึ้นในห้วงเวลาไม่ห่างกันมากในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 (พ.ศ. 2444-2543) ได้ทำให้สภาพเศรษฐกิจและสังคมด้านสิ่งทอของยุโรปเปลี่ยนแปลงไป หลังสงครามโลกครั้งที่สองเพียงไม่นาน อิตาลีก็เข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้การผลิตไหมต้องสิ้นสุดลงในที่สุด
อิตาลีไม่ได้เป็นเพียงประเทศเดียวในยุโรปที่ฟื้นฟูการผลิตไหม สวิตเซอร์แลนด์ก็กลับมาผลิตไหมอีกครั้งในปี พ.ศ. 2552 รอยเตอร์