ในวังวน แห่งความ โกลาหล
องค์กรกาชาดมีบทบาทสำคัญ ในภูมิภาคที่เสี่ยงต่อการประสบภัยพิบัติ
นายดาโต๊ะ ลิม จ๊อก ฮอย
สวัสดีทุกท่าน และขอขอบคุณทุกท่านที่มายังเวทีสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ ว่าด้วยความท้าทายและการดำเนิน การด้านมนุษยธรรมในภูมิภาคอาเซียน งานนี้ยังเป็นอีกหนึ่งโอ กาสที่อาเซียนจะยกย่องผลงานของคณะกรรมการกาชาดระ หว่างประเทศ และบทบาทที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งทุ่มเทให้บริการในภูมิภาค คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศเป็นผู้มีบทบาท สำคัญในการบรรเทาความทุกข์ของผู้คน ภายหลังภัยพิบัติ ทางธรรมชาติและภัยพิบัติที่มนุษย์สร้างขึ้นในภูมิภาคอาเซียน ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จัดงานนี้ขึ้นเป็นครั้งแรกโดยร่วมมือกับ คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ เพื่อรำลึกถึงความช่วย เหลือที่ดำเนินการไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเป็นเวทีสำ หรับการเจรจาที่มีประสิทธิผลในหมู่ผู้ปฏิบัติงาน ผู้กำหนด นโยบาย และนักวิจัยในภูมิภาค
ถือเป็นโอกาสในการใช้เวลาไตร่ตรองและอภิปรายเชิงสร้าง สรรค์ เกี่ยวกับวิธีการที่อาเซียนจะเตรียมความพร้อมรับมือกับ ภัยพิบัติในภูมิภาคอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสอดคล้องกับ “ความท้าทายและการดำเนินการด้านมนุษยธรรมในอาเซียน” อันเป็นหัวข้อของการจัดงานนี้
อาเซียนเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางภูมิทัศน์ด้าน มนุษยธรรมนับตั้งแต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประการแรก ภูมิภาคอาเซียนเป็นหนึ่งภูมิภาคที่เสี่ยงต่อการประสบภัยพิบัติ มากที่สุดในโลก และมีการคาดการณ์ว่าสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งและรุนแรงยิ่งขึ้น ใน พ.ศ. 2561 เพียงปีเดียว ภูมิภาคอาเซียนมีรายงานภัยพิบัติทั้งหมด 424 ครั้ง เมื่อเทียบกับ 118 ครั้งใน พ.ศ. 2560 ในจำนวนนี้ อาเซียนตอบสนองต่อเหตุภัยพิบัติ 23 ครั้ง ซึ่งเป็นจำนวน ครั้งสูงสุดของภัยพิบัติที่อาเซียนได้ตอบสนองมาตั้งแต่เริ่ม ก่อตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้าน มนุษยธรรม นอกจากนี้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงจำนวน ประชากรอาเซียน การสูญเสียทางเศรษฐกิจและการเสียชีวิตจะ เพิ่มความถี่ขึ้นตามสัดส่วนด้วย เรากำลังเผชิญกับความท้าทาย ที่เพิ่มขึ้นจากการพลัดถิ่นของผู้คนจำนวนมากเนื่อง จากภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น สึนามิและพายุไต้ฝุ่น ผลกระทบรอง เช่น การพัง ทลายของเขื่อนหรือไฟไหม้ สถานที่ทิ้งขยะ และผลกระ ทบจากการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ รวมถึงภัย แล้งและน้ำท่วมที่เกิดขึ้น อย่างช้า ๆ การรับมือภัยพิบัติและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ยังคงเป็นหนึ่งในความท้าทายพื้นฐานสำหรับ อาเซียน
ประการที่สอง ใน พ.ศ. 2561 ทีมผู้นำอาเซียนได้สั่งการ ศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษย ธรรมฉุกเฉินในรัฐยะไข่ประเทศเมียนมา (พม่า) โดยได้รับการ สนับสนุน จากเลขาธิการอาเซียน เป็นการขยายขอบเขตการทำงานของอาเซียนเพื่อรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางมนุษยธรรม ด้วยเหตุนี้ จึงมีการใช้ทีมประเมินการตอบสนองกรณีฉุกเฉิน ของอาเซียน ในการระบุพื้นที่ที่อาเซียนสามารถสนับสนุนรัฐ บาลเมียนมา (พม่า) เพื่ออำนวยความสะดวกในกระบวนการ ส่งกลับประเทศ
การพัฒนาเมื่อไม่นานมานี้ ยิ่งเน้นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการก้าวหน้าที่รวดเร็วในกลยุทธ์การรับมือด้านมนุษยธรรมของ เรา เพื่อตอบสนองความต้องการของประเทศสมาชิกที่ได้รับผลกระทบกับความอ่อนไหวที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับปัญหาความขัดแย้งและความมั่นคง
อาเซียนต้องพร้อมเป็นรายแรกที่ให้การช่วยเหลือประเทศ สมาชิกที่ได้รับผลกระทบ ในฐานะเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด เรา ต้องสามารถพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ก่อนจะขอ ความช่วย เหลือจากพันธมิตรที่อยู่ห่างไกลออกไป ซึ่งอาจไม่สามารถ ให้การช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว ความต้องการ ของประชาชน อาเซียนจะต้องเป็นสิ่งที่ใส่ใจเป็นลำดับแรก รวมถึงความเป็นอยู่ ความปลอดภัยและความมั่นคง ตลอดจนสุขภาพทางสังคม และเศรษฐกิจ โดยการมุ่งเน้นประชาชนเป็นสำคัญในทิศทาง การดำเนินการของอาเซียน
ในการทำความเข้าใจว่าไม่มีภัยพิบัติใดจะส่งผลกระทบต่อทุกชุมชนในลักษณะเดียวกัน ความพยายามด้านมนุษยธรรมในทุกรูปแบบควรคำนึงถึงบริบทของท้องถิ่น และปรับความพยายาม ให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละท้องที่ รวมทั้งเคารพในความประสงค์ของประเทศที่ได้รับผลกระทบ
แม้จะมีอุปสรรค ผมขอแนะนำให้ผู้เข้าร่วมการเสวนานี้มอง โลกในแง่ดีในการเผชิญหน้ากับความท้าทายเหล่านี้ อาเซียนได้ จัดตั้งสถาบันเพื่อรับมือกับภัยพิบัติ เช่น การประชุมระดับรัฐมน ตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ คณะกรรมการอาเซียน ว่าด้วย การจัดการภัยพิบัติ ซึ่งมีสมาชิกบางส่วนที่อยู่ในงานวัน นี้ด้วย ความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการ ตอบโต้ สถานการณ์ฉุกเฉิน วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภาย หลังปี พ.ศ. 2568 และแน่นอนว่ารวมถึงกลไกอาเซียนร่วมใจ เป็นหนึ่งเดียว ในการตอบโต้ภัยพิบัติ อาเซียนตระหนักถึง ลักษณะข้ามภาคส่วนของการดำเนินการทางมนุษยธรรม และกล ยุทธ์การรับมือภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพนั้นจะต้องมีความร่วมมือ จากภาคส่วนอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับยุทธศาสตร์
ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการประสานงาน การติดตามและการ พัฒนานโยบาย รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น ปัญหา สุขภาพจิต นอกจากนี้ อาเซียนยังมีกลไกการประสานงานข้าม ภาคส่วน เช่น หน่วยเฉพาะกิจร่วมให้การช่วยเหลือด้านมนุษย ธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ รวมถึงคณะทำงานเชิงเทคนิคด้านการประสานงานระหว่างพลเรือนกับทหาร ยิ่งไปกว่านั้น ศูนย์ ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ในฐา นะหน่วยประสานงานและผู้ปฏิบัติงานความตกลงอาเซียนว่า ด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ยัง พร้อมรับมือกับภัยพิบัติขนาดใหญ่ในภูมิภาค
กลไกที่กำลังดำเนินอยู่เหล่านี้ รวมกันเป็นรากฐานสำหรับ การรับมือกับภัยพิบัติในภูมิภาคที่มีการประสานงานและครอบ คลุมของอาเซียน เพื่อตระหนักถึงความจำเป็นในการจัดการที่ใช้ งานได้จริงและยืดหยุ่น อาเซียนควรให้ความสำคัญกับการเพิ่ม ประสิทธิภาพกลไกที่มีอยู่ให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่สามารถทำงานเพียงฝ่ายเดียวในวง จรการจัดการภัยพิบัติและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมได้ ไม่ว่าจะเป็นในขั้นตอนการเตือนภัย การเตรียมพร้อม การรับมือ หรือการฟื้นฟู ในมุมมองของผม เราต้องก้าวไปสู่ “วิถีอาเซียน” เพื่อกลไกการประสานงานที่เข้มแข็งซึ่งผู้มีส่วนได้เสียหลักเข้า มามีบทบาท เช่น ผู้กำหนดนโยบาย ผู้มีบทบาทในอุตสาหกรรม นักวิชาการ และภาคประชาสังคม กลุ่มพันธมิตรความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชน เป็นตัวอย่างที่ดีของการระดม ทรัพยากรและความรู้ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนการปฏิบัติงานของความตกลงดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม อาเซียนจะต้องไม่นิ่งนอนใจในยุทธศาสตร์ของเรา และทะนุบำรุงความสัมพันธ์ด้านความร่วมมือกับผู้มีบทบาทอื่น ๆ ในภูมิภาค รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศ เช่น คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ สภากาชาดและสภา เสี้ยววงเดือนแดงเป็นพันธมิตรหนึ่งเดียวของอาเซียน โดยมีจุด ยืนทางยุทธศาสตร์ในการเข้าถึงพื้นที่ภัยพิบัติที่องค์กรพัฒนา เอกชนอื่น ๆ และในบางกรณีแม้แต่องค์การสหประชาชาติเอง เข้าถึงไม่ได้ ใน พ.ศ. 2560 เมื่อฟิลิปปินส์ดำรงตำแหน่งประ ธาน อาเซียนได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมกับ สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดง โดยยกย่องการทำงานและการมีส่วนร่วมของทั้งสององค์กรในฐานะผู้ตอบสนองภัยพิบัติรายแรก ตลอดจนความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ และชุมชนท้องถิ่น ในปลาย พ.ศ. 2561 ผมได้พบกับนายปีเตอร์ เมาเรอร์ ประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ซึ่งนายเมาเรอร์ยืนยันความตั้งใจของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศที่จะขยายความสัมพันธ์กับอาเซียนอีกครั้ง เราให้ความสำคัญกับการเป็นพันธมิตร ความร่วมมือ และการมีส่วนร่วมที่ต่อเนื่องของคณะกรรมการ กาชาดระหว่างประเทศกับภูมิภาคอาเซียน
ในฐานะผู้ประสานงานความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของ อาเซียน ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งที่ได้เห็นการแบ่งปันด้านมุมมองต่างๆ ของอาเซียน รวมถึงการตระหนักที่เพิ่มขึ้นในด้านการตอบสนองภัยต่อพิบัติโดยรวม นอกจากนี้ ผมยังได้สังเกตเห็นกระบวน ทัศน์การเปลี่ยนแปลงของการตอบสนองระหว่างประเทศ ต่อ การตอบสนองในระดับภูมิภาคและท้องถิ่น ซึ่งขณะนี้องค์กร ในภูมิ ภาคของเรามุ่งเน้นไปที่การให้ความรู้ การตระหนักรู้และการสร้างขีดความสามารถขององค์กรจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ มากขึ้น
ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับฟังการนำเสนอจากพันธมิตร ของเรา ด้วยความหวังว่าแนวคิดของฝ่ายต่าง ๆ จะช่วยยกระดับกลไกการตอบสนองของอาเซียนให้มากยิ่งขึ้น
ก่อนจบคำกล่าวเปิดของผม ผมขอขอบคุณท่าน กุง ฝก รองเลขาธิการด้านประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน และนายอเล็กซานเดอร์ เฟต หัวหน้าคณะกรรมการกาชาดระ หว่างประเทศของอินโดนีเซียและติมอร์-เลสเต ที่ทำให้แผนงานอาเซียนและคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศเกิดขึ้นจริง ได้ ผมขอยกย่องความร่วมมือของอาเซียนและคณะกรรมการกา ชาดระหว่างประเทศในปัจจุบัน และคาดหวังความมุ่งมั่นทุ่มเท อย่างต่อเนื่องในอนาคต ผมหวังว่าแขกผู้มีเกียรติจะอภิปรายร่วมกันอย่างมีประสิทธิผลและมีเป้าหมายในงานวันนี้
นายดาโต๊ะ ลิม จ๊อก ฮอย เลขาธิการสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากบรูไน กล่าวสุนทรพจน์นี้เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2562 โดยมีการเรียบเรียงเนื้อหาเพื่อให้เหมาะสมกับการนำเสนอของ ฟอรัม