แคนาดาและสหรัฐอเมริกาผนึกกำลังเพื่อปกป้องการประมงในแปซิฟิกใต้

เมื่อเดือนที่ผ่านมาแคนาดาและสหรัฐอเมริกาได้ร่วมมือกันในการดำเนินการลาดตระเวนอย่างยั่งยืนเพื่อปกป้องการประมงของประเทศเกาะขนาดเล็กในแปซิฟิกใต้ที่กำลังถูกคุกคาม

เรือตรวจการณ์ที่ชื่อเมลลอนของกองกำลังรักษาชายฝั่งสหรัฐฯนำผู้โดยสารเรือจากฟิจิและตูวาลูขึ้นฝั่งเพื่อบังคับใช้กฎหมายการประมงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศเหล่านั้นกองกำลังรักษาชายฝั่งระบุในการแถลงข่าว

เจ้าหน้าที่สองนายจากกรมประมงและมหาสมุทรของแคนาดาเข้าประจำการบนเรือเมลลอนและกองทัพอากาศแคนาดาได้ส่งเครื่องบินซีพี-140 ออโรร่าเพื่อออกลาดตระเวนและแบ่งปันข้อมูลกับกองกำลังรักษาชายฝั่งของสหรัฐอเมริกา

“การปรากฏตัวของเรือตรวจการณ์ของกองกำลังรักษาชายฝั่งที่มีความแข็งแกร่งสูงและดำเนินปฏิบัติการในภูมิภาคแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯต่อความร่วมมือในระดับภูมิภาคและเสริมสร้างความร่วมมือของประเทศที่มีความเห็นตรงกันเพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งด้านการกำกับดูแลกิจการทางทะเลในภูมิภาครวมถึงส่งเสริมการจัดตั้งกฎระเบียบสำหรับการทำประมง” แถลงการณ์ของกองกำลังรักษาฝั่งสหรัฐฯระบุ

กองกำลังรักษาชายฝั่งระบุว่าการทำประมงที่ผิดกฎหมายขาดการรายงานและไร้การควบคุมทำให้เศรษฐกิจระหว่างประเทศสูญเสียเงินเป็นพันล้านดอลลาร์และเสริมว่ากิจกรรมในลักษณะดังกล่าวคิดเป็นประมาณร้อยละ30 ของการประมงทั้งหมดทั่วโลกและแสดงให้เห็นว่ามีการจับปลาถึง26 ล้านตันต่อปีปลาเหล่านั้นคิดเป็นมูลค่าระหว่าง1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ประมาณ3.1 แสนล้านบาท) ถึง2.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ประมาณ7.2 แสนล้านบาท)

กองกำลังรักษาชายฝั่งสหรัฐฯระบุว่าการลาดตระเวนชายฝั่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นเพื่อส่งเสริมภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง”สหรัฐฯกำลังพัฒนาวิสัยทัศน์ของอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้างซึ่งไม่กีดกันประเทศใดๆ” ร.อ. โรเบิร์ตเฮนดริกสันหัวหน้าฝ่ายตอบสนองสถานการณ์ของกองกำลังรักษาชายฝั่งสหรัฐฯเขตที่14 กล่าวตามรายงานของนิตยสารข่าวออนไลน์เดอะดิโพลแมท”เรากำลังเพิ่มความมุ่งมั่นเพื่อสร้างพันธมิตรและความร่วมมือขณะขยายและกระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตรใหม่ซึ่งมีความเคารพต่ออำนาจอธิปไตยการค้าที่เป็นธรรมและเอื้อประโยชน์ต่อกันและหลักนิติธรรมร่วมกัน”

สหรัฐฯและแคนาดาออกลาดตระเวนน่านน้ำรอบฟิจิรวมทั้งประเทศคิริบาสโตเกเลาตูวาลูและวานูอาตูหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายขึ้นเรือประมงลำหนึ่งและเรือส่งน้ำมันเชื้อเพลิง(เรือบรรทุกน้ำมัน) อีกลำหนึ่งกองกำลังรักษาชายฝั่งสหรัฐฯกำลังสืบสวนการละเมิดกฎการเปลี่ยนถ่ายสินค้าและข้อกำหนดในการระบุตัวตนของเรือที่อาจเกิดขึ้น(ภาพ: เจ้าหน้าที่ตรวจค้นเรือจากกองกำลังรักษาชายฝั่งสหรัฐฯและหน่วยอนุรักษ์และคุ้มครองของแคนาดาเตรียมขึ้นเรือประมงในแปซิฟิกใต้ช่วงปลายเดือนมกราคมพ.ศ. 2562)

“การทำประมงที่ผิดกฎหมายขาดการรายงานและไร้การควบคุมเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงด้านอาหารส่งผลกระทบต่อความยั่งยืนของการประมงและก่อให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจแก้ไขได้ต่อระบบนิเวศทางทะเลและน้ำจืดทั่วโลกความร่วมมือต่างๆดังเช่นครั้งนี้กับกระทรวงกลาโหมแคนาดาและกองกำลังรักษาชายฝั่งสหรัฐฯเป็นกุญแจสำคัญที่จะแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมายขาดการรายงานและไร้การควบคุมซึ่งคุกคามชุมชนชายฝั่งที่มีความเสี่ยงมาก” นายโจนาธานวิลกินสันรัฐมนตรีว่าการกระทรวงประมงมหาสมุทรและกองกำลังรักษาชายฝั่งของแคนาดากล่าว”เราจะทำงานร่วมกับประเทศอื่นๆต่อไปและช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นเกาะขนาดเล็กในการต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมายขาดการรายงานและไร้การควบคุมเพื่อเพิ่มความมั่งคงและปกป้องสุขภาวะของปริมาณปลาทั่วโลก”