อินโดนีเซียเปิดรับความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก
รอยเตอร์
ขณะนี้อินโดนีเซียเปิดรับการเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หลังจากนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้รับชัยชนะเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2558 จากการขับเคี่ยวกับรัฐสภาแห่งสหรัฐฯ ว่าด้วยเรื่องความตกลงนี้
ความตกลงดังกล่าวจะช่วยลดอุปสรรคทางการค้าและสร้างมาตรฐานทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกันทั่วทั้ง 12 ประเทศในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกรวมทั้งออสเตรเลียและญี่ปุ่น ซึ่งมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศรวมกันเป็นมูลค่า 28 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือราว ๆ 990 ล้านล้านบาท)
แต่เดิมนั้น รัฐบาลของประเทศอินโดนีเซียซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ยินยอมที่จะเข้าร่วมความตกลงนี้ แต่ได้เปลี่ยนใจในเวลาต่อมาเมื่อวุฒิสภาสหรัฐฯ อนุมัติการออกกฎหมายในเดือนมิถุนายนที่มีความสำคัญยิ่งต่อการรับประกันความตกลงดังกล่าว นายซอฟยาน ดจาลีล รัฐมนตรีประสานงานกิจการด้านเศรษฐกิจกล่าว
“ผู้กำหนดนโยบายในเอเชียหลายรายไม่เชื่อว่าประธานาธิบดีโอบามาจะได้รับกฤษฎีกา” นายดจาลีลกล่าว “ขณะนี้ความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกใกล้จะเป็นความจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ และทางเลือกที่มีอยู่ตอนนี้คือเข้าร่วมหรือไม่ก็ถูกแบ่งแยกออกจากกลุ่ม”
“แน่นอนว่าเราต้องพิจารณาในเรื่องนี้ เราต้องศึกษาความตกลงนี้อย่างครอบคลุม แต่โดยหลักการแล้วเราไม่มีปัญหาอะไรในการเข้าร่วม”
นายจอห์น เคอร์รี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แสดงความเชื่อมั่นว่าความตกลงนี้จะเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2558 แม้ว่าประเทศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจะไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งในเรื่องการค้ารถยนต์ สินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์นมและยารุ่นต่อไปในการเจรจาครั้งล่าสุด
อินโดนีเซียที่มีปริมาณการส่งออกลดลงทุกเดือนนับตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2557 เป็นต้นมาเนื่องจากการลดลงของสินค้าโภคภัณฑ์ กำลังศึกษาผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศที่อาจเป็นผลมาจากความตกลงนี้ นายดจาลีลกล่าว
นอกจากนี้ อินโดนีเซียจะเริ่มเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปอีกรอบในเดือนหน้า นายดจาลีลกล่าวเพิ่มเติม
การส่งออกของอินโดนีเซียลดลงอย่ารวดเร็วในอัตราร้อยละ 12.8 ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2558 ขณะที่การนำเข้าลดลงในอัตราร้อยละ 17.42 เศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 4.67 ในไตรมาสที่สองซึ่งเป็นการเติบโตที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา