ติดอันดับ

สหรัฐฯ ตั้งข้อหาชาวจีนฐานฟอกเงินให้ชาวเกาหลีเหนือ

ติดอันดับ | Mar 19, 2020:

เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ตั้งข้อหาชาวจีนสองคนฐานฟอกเงินในรูปสกุลเงินดิจิทัลมูลค่ามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.1 พันล้านบาท) ซึ่งแฮกเกอร์ชาวเกาหลีเหนือได้ขโมยไป

การฟ้องร้องซึ่งเกิดขึ้นในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เผยให้เห็นข้อมูลใหม่เกี่ยวกับวิธีการที่รัฐบาลเกาหลีเหนือแอบจ้างนักเจาะระบบคอมพิวเตอร์อย่างลับ ๆ เพื่อหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรระหว่างประเทศ และวิธีการที่ผู้สมรู้ร่วมคิดในสาธารณรัฐประชาชนจีนแอบซ่อนเงินที่ผิดกฎหมายเหล่านั้นจากฝ่ายผู้บังคับใช้กฎหมาย

นายทิโมธี เจ. เชีย อัยการสูงสุดของสหรัฐฯ กล่าวในข่าวประชาสัมพันธ์ว่า “การเจาะระบบแลกเปลี่ยนเงินเสมือนและการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ของผู้กระทำการชาวเกาหลีเหนือ ถือว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงและความเป็นหนึ่งเดียวกันของระบบการเงินโลก” และยังกล่าวเสริมอีกว่า “การตั้งข้อหาเหล่านี้ถือเป็นเครื่องย้ำเตือนว่า ฝ่ายผู้บังคับใช้กฎหมายจะเปิดโปงกิจกรรมที่ผิดกฎหมายทั้งในและต่างประเทศ ผ่านหุ้นส่วนและความร่วมมือของฝ่ายต่าง ๆ รวมถึงตั้งข้อหาผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำที่ผิดกฎหมายและยึดเงินที่ผิดกฎหมาย แม้เงินนั้นจะอยู่ในรูปสกุลเงินเสมือนก็ตาม”

การฟ้องร้องครั้งนี้เป็นการตั้งข้อหานายเถียน หยินหยิน และนายหลี่ เจียตง ฐานสมคบคิดกันฟอกเงินและทำธุรกิจส่งเงินโดยไม่มีใบอนุญาต “จำเลยทั้งสองถูกกล่าวหาว่าฟอกเงินสกุลเงินดิจิทัลมูลค่ากว่าร้อยล้านดอลลาร์ซึ่งถูกขโมยไปเพื่ออำพรางธุรกรรมที่ให้ประโยชน์แก่ผู้มีบทบาทที่อาศัยอยู่ในเกาหลีเหนือ” นายไบรอัน เอ. เบนซ์คอฟสกี ผู้ช่วยอัยการสูงสุดกล่าวในข่าวประชาสัมพันธ์ “การดำเนินการในวันนี้เน้นย้ำให้เห็นว่า กระทรวงยุติธรรมจะทะลวงม่านแห่งความไร้ตัวตนของสกุลเงินดิจิทัลเพื่อหาตัวอาชญากรที่ต้องรับผิดชอบการกระทำนี้ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะอยู่ที่ใดก็ตาม”

เอกสารของศาลระบุข้อกล่าวหาว่า ชาวเกาหลีเหนือเจาะระบบแลกเปลี่ยนเงินเสมือนใน พ.ศ. 2561 และขโมยเงินสกุลดิจิทัลมูลค่าเกือบ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7.9 พันล้านบาท) ตามรายงานของรอยเตอร์ระบุว่า จำเลยชาวจีนทั้งสองคนถูกฟ้องในข้อหาฟอกเงินผ่านการทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินดิจิทัลแบบอัตโนมัติหลายร้อยรายการ โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายติดตามเงินดังกล่าวได้

เงินที่ถูกฟอกบางส่วนนำมาใช้เพื่อจ่ายค่าโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีในเกาหลีเหนือ เพื่อเป็นแนวหน้าสำหรับศึกเจาะข้อมูลอุตสาหกรรมการเงินในอนาคต อุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลเป็นเป้าหมายที่หวานหอมสำหรับเกาหลีเหนือในการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรระหว่างประเทศที่บังคับใช้ อันเนื่องจากโครงการขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

“เกาหลีเหนือยังคงโจมตีระบบนิเวศของสกุลเงินเสมือนที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อหาทางหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐอเมริกาและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติใช้กับเกาหลีเหนือ” นายดอน ฟอร์ต หัวหน้าฝ่ายสืบสวนอาชญากรรม กรมสรรพากรของสหรัฐฯ กล่าว “เราจะผลักดันหน่วยงานของเราให้กลายเป็นแนวหน้าในการสืบสวนอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนต่อไป รวมทั้งร่วมมือกับพันธมิตรผู้บังคับใช้กฎหมายของเรา เพื่อให้แน่ใจว่าจะหยุดยั้งอาชญากรที่ร้ายกาจเหล่านี้และรักษาบูรณภาพของระบบการเงินสหรัฐฯ ไว้ได้”

ขณะที่ผู้กระทำการภายในประเทศจีนกำลังช่วยเกาหลีเหนือปกปิดอาชญากรรมทางไซเบอร์ ทางฝั่งสหรัฐฯ และพันธมิตรก็ยังคงพยายามยื่นมือเข้าช่วยยกระดับการป้องกันทางไซเบอร์ให้ภูมิภาคนี้เพื่อป้องกันอาชญากรรม เมื่อปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2562 คณะทำงานระหว่างหน่วยงานของสหรัฐฯ ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากกระทรวงกลาโหม กระทรวงยุติธรรม สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ และกระทรวงการคลัง ได้จัดทำข้อตกลงในปาเลา ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแลของประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิก ให้ดำเนินการสืบสวนและดำเนินคดีอาชญากรรมทางการเงิน โครงการดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การฟอกเงิน อาชญากรรมทางไซเบอร์ สกุลเงินดิจิทัล การค้ามนุษย์ การทุจริตในภาครัฐ และอิทธิพลที่เป็นภัยจากต่างประเทศ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button