ติดอันดับ

รายงาน: พนักงานหัวเว่ยทำการวิจัยร่วมกับกองทัพจีน

บริษัทโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในจีนร่วมมือกับกองทัพจีนในโครงการอย่างน้อย 10 โครงการในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลมากกว่าที่เจ้าหน้าที่ของบริษัทรับรู้

รายงานประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2562 ของบลูมเบิร์กนิวส์เปิดเผยว่า พนักงานหัวเว่ยได้ทำงานร่วมกับกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ในโครงการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีหลากหลายรูปแบบ รวมถึงปัญญาประดิษฐ์และการสื่อสารทางวิทยุ พนักงานหัวเว่ยทำงานร่วมกับฝ่ายสืบสวนของคณะกรรมการการทหารกลางของจีนในการ “สกัดและจำแนกอารมณ์ในความคิดเห็นทางวิดีโอออนไลน์” และในอีกหนึ่งโครงการริเริ่มร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีกลาโหมแห่งชาติเพื่อหาแนวทางการรวบรวม พร้อมทั้งวิเคราะห์ภาพดาวเทียมและพิกัดภูมิศาสตร์ บลูมเบิร์กรายงาน

รายงานดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ กำหนดขอบเขตอย่างเคร่งครัดสำหรับความสามารถของหัวเว่ยในการทำธุรกิจกับบริษัทในสหรัฐฯ เนื่องจากฝ่ายบริหารมองว่าหัวเว่ยเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงของชาติเพราะความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน นายเหริน เจิ้งเฟย มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทเป็นผู้จงรักภักดีของพรรค ซึ่งทำงานด้านการสื่อสารในช่วงการเป็นทหารในประเทศจีน

แม้จะสหรัฐฯ จะแสดงออกถึงความกังวล แต่เจ้าหน้าที่หัวเว่ยได้ปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะไม่ส่งข้อมูลกลับไปยังรัฐบาลจีนหรือมีส่วนร่วมในการสอดแนม หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของบริษัทกล่าวกับซีเอ็นบีซีว่า หัวเว่ยไม่ได้สนับสนุนความร่วมมือกับกองทัพของจีนและไม่ได้ปรับแต่งผลิตภัณฑ์เพื่อใช้งานทางทหาร หัวเว่ยทำ “ระบบเพื่อใช้ร่วมกันของพลเมือง” นายซง หลิวปิง กล่าว

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยของบลูมเบิร์กได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับข้อเรียกร้องดังกล่าว สำนักข่าวได้รวบรวมเอกสารจากวารสารและฐานข้อมูลการวิจัยออนไลน์ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมและนักวิชาการจีนใช้ บลูมเบิร์กรายงานว่า ผู้เขียนเอกสารระบุว่าตนเป็นพนักงานของหัวเว่ย และชื่อบริษัทได้มีการระบุไว้อย่างเด่นชัดในหนังสือพิมพ์

ตัวอย่างหนึ่งคือ การศึกษาเกี่ยวกับการจำแนกอารมณ์ที่แสดงออกทางออนไลน์ ซึ่งระบุว่านายลี หุ่ย พนักงานของหัวเว่ยในเซี่ยงไฮ้เป็นผู้เขียนหลัก การศึกษาวิดีโอดังกล่าวมุ่งเน้นที่การพัฒนาความแม่นยำของอัลกอริทึมที่ประมวลผลภาษา บลูมเบิร์กรายงาน

นายลีระบุว่า นายจ้างของเขาคือบริษัทเซี่ยงไฮ้ หัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด ผู้ร่วมวิจัยทั้งสามคนมาจากคณะกรรมการกลางของกองทัพปลดปล่อยประชาชน ซึ่งป็นห้องปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีสารสนเทศ และหน่วยทหารอีกหน่วยหนึ่ง ตามรายงานของบลูมเบิร์ก โครงการรักษาความมั่นคงข้อมูล 242 แห่งชาติเป็นโครงการที่รัฐบาลจีนสร้างขึ้น เพื่อสนับสนุนความพยายามด้านการวิจัยเรื่องความมั่นคงโดยได้ให้ทุนสนับสนุนโครงการ

ในขณะที่ข้อถกเถียงของหัวเว่ยยังดำเนินต่อไป นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศในการประชุมสุดยอดจี 20 ที่ประเทศญี่ปุ่นว่าจะผ่อนปรนข้อจำกัดหนึ่งข้อ และอนุญาตให้บริษัทในสหรัฐฯ ขายชิ้นส่วนและส่วนประกอบให้กับหัวเว่ยต่อไป นายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระดับสูงของฝ่ายบริหารกล่าวกับซีบีเอสนิวส์ว่า การตัดสินใจของประธานาธิบดีใช้ได้กับ “สินค้าทั่วไป” เท่านั้น นายคุดโลว์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ อธิบายถึงสินค้าดังกล่าวว่าคือ “ชิปและซอฟต์แวร์ต่าง ๆ รวมถึงบริการอื่น ๆ มีอยู่ทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะในสหรัฐฯ”

“ประธานาธิบดีจะไม่ลดความกังวลเรื่องความมั่นคงของชาติ เราเข้าใจถึงความเสี่ยงที่ใหญ่หลวงเกี่ยวกับหัวเว่ย” นายคุดโลว์กล่าว โดยเสริมว่าการเจรจากับจีนเกี่ยวกับหัวเว่ยยังคงดำเนินต่อไป “คำสุดท้ายจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าการเจรจาจะถึงตอนท้ายสุด”

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button