ข่าวผู้ก่อการร้ายแผนก

ยืนหยัด เป็นหนึ่งเดียว

อินเดียและศรีลังกาเพิ่มความพยายามในการต่อต้านการก่อการร้าย

ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2562 นายนเรนทระ โมที นายกรัฐมนตรีอินเดีย ไว้อาลัยแก่ชาวศรีลังกากว่า 250 คนที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดพลีชีพในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ และเห็นพ้องกับผู้นำศรีลังกาในการเพิ่มความร่วมมือเพื่อต่อสู้กับการก่อการร้าย ในการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกนับตั้งแต่ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่สอง นายโมทีได้เน้นย้ำนโยบาย “เพื่อนบ้านต้องมาก่อน” ของอินเดียในระหว่างการเยือนมัลดีฟส์และศรีลังกา

ก่อนจะเริ่มการเจรจาอย่างเป็นทางการในศรีลังกา นายโมทีได้ไปเยือนโบสถ์เซนต์แอนโทนีในโคลอมโบ ซึ่งเป็นหนึ่งในโบสถ์สามแห่งที่ตกเป็นเป้าหมายของการวางระเบิดเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2562 เพื่อแสดงความเคารพต่อผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุโจมตีดังกล่าว เหตุระเบิดที่โบสถ์สามแห่งและโรงแรมหรูสามแห่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 258 ราย นอกจากนี้ การโจมตีด้วยระเบิดพลีชีพยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของศรีลังกา ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศในมหาสมุทรอินเดียแห่งนี้ประสบปัญหาอย่างหนัก “ผมมั่นใจว่าศรีลังกาจะลุกขึ้นได้อีกครั้ง การกระทำอันขลาดเขลาของผู้ก่อการร้ายไม่สามารถเอาชนะจิตวิญญาณแห่งศรีลังกาได้ อินเดียขอยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียวกับประชาชนศรีลังกา” นายโมทีเขียนในทวิตเตอร์หลังการไปเยือนโบสถ์ดังกล่าว

ภาพถ่ายพร้อมข้อความในทวิตเตอร์แสดงภาพนายโมทีขณะพูดคุยกับนักบวชคาทอลิก และดูภาพของผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุโจมตีและงานบูรณะโบสถ์ โดยมีกองทัพเรือศรีลังกาเป็นผู้บูรณะโบสถ์

กลุ่มรัฐอิสลามอ้างว่าตนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุโจมตีดังกล่าว ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงในท้องถิ่นที่รู้จักกันในชื่อ เนชันแนล ทาวาฮิด จามแมท ที่สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อรัฐอิสลาม

นายโมทีได้หารือกับนายไมตรีปาละ ศิริเสนา ประธานาธิบดีศรีลังกา โดยมุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์ทวิภาคี รวมถึงความมั่นคง สันติภาพ และเสถียรภาพในภูมิภาค “เนื่องจากทั้งศรีลังกาและอินเดียต่างเป็นเหยื่อของการก่อการร้าย ผู้นำทั้งสองขอประณามการก่อการร้ายทุกรูปแบบ และทุกลักษณะ รวมทั้งตัดสินใจที่จะเพิ่มความร่วมมือในด้านสำคัญนี้” สำนักประธานาธิบดีศรีลังการะบุในแถลงการณ์

นอกจากนี้ นายโมทียังได้เจรจากับนายมาฮินดา ราชปักษา ผู้นำฝ่ายค้าน และผู้นำชนกลุ่มน้อยชาวทมิฬ ก่อนที่จะเดินทางกลับอินเดีย นายโมทีเน้นถึงนโยบาย “เพื่อนบ้านต้องมาก่อน” สำหรับภูมิภาคเอเชียใต้นับตั้งแต่เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งแรกใน พ.ศ. 2557 โดยสัญญาว่าประเทศเพื่อนบ้านจะได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียเป็นลำดับแรก

อินเดียมีความกังวลเกี่ยวกับศรีลังกาและประเทศเพื่อนบ้านอย่างมัลดีฟส์ ซึ่งโน้มเอียงไปทางสาธารณรัฐประชาชนจีนที่กำลังแสวงหาอิทธิพลเพิ่มในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย นายโมทีเดินทางมาถึงศรีลังกาจากมัลดีฟส์ ซึ่งนายอิบราฮิม โมฮาเหม็ด โซลีห์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของมัลดีฟส์ ได้ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มความความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลอินเดียมากขึ้นโดยการยกเลิกนโยบายสนับสนุนจีนของประธานาธิบดีคนก่อน

ศรีลังกาปล่อยเช่าท่าเรือที่จีนสร้าง ซึ่งอยู่ใกล้กับเส้นทางการขนส่งสินค้าทางตะวันออกกับตะวันตกที่คึกคักที่สุดในโลกให้แก่บริษัทจีนใน พ.ศ. 2560 เป็นเวลา 99 ปี เพื่อชดใช้การชำระคืนเงินกู้ก้อนใหญ่ที่ประเทศกู้มาสร้างสิ่งปลูกสร้าง ท่าเรือนี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนเส้นทางท่าเรือของรัฐบาลจีน ที่ลากยาวจากน่านน้ำจีนไปจนถึงอ่าวเปอร์เซีย ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2562 จีนตกลงให้เงินกู้ 989 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท) แก่ศรีลังกา เพื่อสร้างทางด่วนที่จะเชื่อมโยงพื้นที่ปลูกชาในภาคกลางของประเทศเข้ากับท่าเรือที่ดำเนินการโดยจีนบริเวณชายฝั่งทางตอนใต้ อิทธิพลของจีนในศรีลังกาทำให้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินเดียวิตกกังวล เพราะอินเดียถือว่าภูมิภาคมหาสมุทรอินเดียเป็นสวนหลังบ้านเชิงยุทธศาสตร์ของตน

รัฐบาลศรีลังกาพยายามสร้างความสมดุลระหว่างสองยักษ์ใหญ่ในเอเชีย โดยเจ้าหน้าที่ศรีลังกาย้ำว่ารัฐบาลจะรับผิดชอบดูแลความมั่นคงของท่าเรือ เพื่อบรรเทาความกลัวว่าจีนอาจใช้ท่าเรือดังกล่าวเป็นศูนย์กลางทางทหาร อินเดียได้ช่วยเหลือศรีลังกาโดยให้ทุนในการก่อสร้างบ้านเรือนและอาคารมหาวิทยาลัย รวมทั้งบริการรถพยาบาลฟรีทั่วเกาะ เพื่อหักล้างอิทธิพลของจีนอย่างชัดเจน นอกจากนี้ อินเดียยังขยายขอบเขตความน่าเชื่อถือ โดยพัฒนาการขนส่งทางรางและโครงการเกี่ยวกับน้ำ ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button